ชิค คอเรีย กับการเดินทางครั้งใหม่

ตลอดระยะเวลา 4 ทศวรรษบนถนนสายดนตรี ชิค คอเรีย ไม่ได้เป็นเพียงนักเปียโนที่มีทักษะอันเจนจัดชนิดหาตัวจับยากเท่านั้น หากในอีกด้านหนึ่ง เขามีบทบาทด้านการประพันธ์ดนตรีที่หลากหลาย ตั้งแต่งานเพลงแจ๊ส ( Jazz Tunes ) ในแบบฉบับบีบ็อพ จนถึง อวอง-การ์ด และตั้งแต่งานเพลงเด็กบริสุทธิ์สดใส ไปถึงโทนโพเอม ( Tone Poem ) อันวิจิตรอลังการ

โดยส่วนตัว ชิค คอเรีย สนใจดนตรีในกลุ่มโทนโพเอมเป็นพิเศษ ที่ผ่านมา เขามีงานดนตรีที่สร้างสรรค์ขึ้นจากเรื่องราวในบทกวี วรรณกรรม หรือแรงบันดาลใจที่จับต้องได้อยู่ไม่ใช่น้อย ซึ่งเป็นแนวทางการสร้างงานที่สายดนตรีคลาสสิกนิยมเรียกว่า โปรแกรม มิวสิค ( Programme Music ) ไม่ว่าจะเป็น The Leprechaun, The Mad Hatter, My Spanish Heart, The Romantic Warrior จนถึงงานในยุคหลังอย่าง To the Stars
อดีตมือเปียโนสมาชิกวง ไมล์ส เดวิส และเจ้าของตำนานวงดนตรีในอุดมคติ รีเทิร์น ทู ฟอร์เอเวอร์ คนนี้ ยังสนุกกับการเดินทางในโลกของวรรณกรรม และนำเรื่องราวน่าสนใจมาผูกร้อยเป็นเสียงดนตรีต่อไป ดังปรากฏในผลงานชิ้นใหม่ของเขา The Ultimate Adventure ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายแนวไซไฟเรื่องโปรดชื่อเดียวกัน เขียนโดย แอน รอน ฮับบาร์ด ( L. Ron Hubbard) เสน่ห์ของงานชิ้นนี้ คือการผสมผสานอิทธิพลของดนตรีสแปนิช กับดนตรีแอฟริกัน เข้าไว้ด้วยกัน

เริ่มต้นที่ Three Ghouls หรือ ปอบ 3 ตนที่มีความแตกต่างในบุคลิกภาพ เป็นการใช้เครื่องดนตรีอิเล็กทริก อย่างเปียโนไฟฟ้า โดยการบรรเลงของ คอเรีย กับซาวด์เพอร์คัสชั่นสังเคราะห์ และเสียงฟลุ้ทของ ฮิวเบิร์ต ลอว์ส

City of Brass นำเสนอซีน ฉาก และบรรยากาศของท้องเรื่อง มือฟลุ้ทเปลี่ยนจาก ฮิวเบิร์ต ลอส์ว มาเป็น ฮอร์จ ปาร์โด สมาชิกวง ทัชสโตน เพลงนี้โดดเด่นด้วยการอิมโพรไวเซชั่นที่ประชันกับเพอร์คัสชั่น จากฝีมือของ ฮอสซาม แรมซี ถือเป็นงานเด่นชิ้นหนึ่งของอัลบั้ม

ทุกโน้ตในเพลง Queen Tednur คือความลงตัวที่น่าตื่นตาบนความสลับซับซ้อน เพลงมีหลายจังหวะ และมีการเลือกใช้เฟรสซิ่งที่แตกต่างออกไป สื่อถึงบุคลิกภาพของตัวละคร เสียงฟลุ้ทของ ฮิวเบิร์ต ลอว์ส ชวนให้ระลึกถึงงานแจ๊สยุคปลายเซเวนตีส์ขึ้นมาในบัดดล

El Stephen ซึ่งมาจาก สตีวี เจ็บเซน ตัวละครหลักของเรื่อง ซาวด์ของดนตรีค่อนข้างหนักแน่น และทรงพลัง หากยังมีปลายวรรคตอนที่เลิศหรูแบบสแปนิชเจืออยู่ เป็นการบรรเลงในแบบควอร์เทท มี คอเรีย, สตีฟ แกดด์ มือกลองรุ่นอาวุโส, ชาร์ลส์ เบนาเวท์-เบส และ ฮอร์จ ปราโด-ฟลุ้ท

ทุกอย่างโปร่งใสขึ้น ด้วยกลิ่นอายของความสุข เมื่อมาถึง King & Queen ซึ่ง คอเรีย พยายามสื่อถึงงานปาร์ตี้ในแบบฟลาเมงโก ก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ Moseb The Executuioner ที่มีการคลี่คลายถึง 3 บทตอน ทิม การ์แลนด์ มือเทเนอร์แซ็ก กับ คอเรีย ประชันเครื่องกันอย่างเมามันในพาร์ทแรก ตามด้วยพาร์ทถัดมาที่เสียงปรบมือ ( palmas ) ในพาร์ทสุดท้าย ราวกับทุกอย่างกำลังมุ่งหน้าสู่ความดิบเถื่อนในป่ารกชัฏ

North Africa คือคำตอบในเวลาต่อมา บนจังหวะเนิบนาบ เพอร์คัสชั่นสุดๆ ให้กลิ่นอายความเป็นแอฟริกันเด่นชัด โดยมี Flight From Karoof เป็นงานชิ้นถัดมา ที่ใช้ทำนองเคลื่อนไหวไปมาบนโครเมติกสเกล ชิค คอเรีย ยังมีบทบาทหลักในการนำเสนอเสียงดนตรี

จากนั้น ตัวละครหลักของเรื่องกลับมาสู่การเดินทางอีกครั้งใน Planes of Existence ตัดสลับไปที่ความหอมหวานใน Arabian Nights ทั้งสองตอน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักอีกส่วนหนึ่งของอัลบั้มนี้ ความโดดเด่นยังอยู่ที่ฝีมือโซโล่อะคูสติกกีตาร์ของ แฟรงค์ แกมเบิล นักดนตรีรุ่นใหญ่ที่คอเพลงบ้านเรารู้จักดี

ชิค คอเรีย แวะพักที่ Gods & Devils เป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะย้อนกลับสู่พาร์ทที่ 2 ของ Planes of Existence เป็นการปิดท้ายการเดินทางอันแสนตื่นตาตื่นใจในครั้งนี้

นักเปียโนวัย 65 ปี เพิ่งเสร็จสิ้นจากการแสดง เปียโน คอนแชร์โต บทประพันธ์ชิ้นใหม่สุดของเขา เนื่องในวาระฉลอง 250 ปี ชาตกาลโมสาร์ท สำหรับคนดนตรีอย่าง ชิค คอเรีย หนทางในการสร้างงานดนตรีไม่ส่อแววตีบตันแม้แต่น้อย ดังกรณีอัลบั้ม The Ultimate Adventure ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพียงเพราะแรงบันดาลใจนั้นเปรียบเสมือนการเดินทาง ซึ่งมีให้พบเห็นโดยทั่วไประหว่างเส้นทางนั่นเอง

You may also like...