Paul Gauguin

ความงามคือความจริง Paul Gauguin (ปอล โกแกง)

ตาฮิติ เกาะอันสวยงามกลางมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ อาจจะใช่หรือไม่ใช่สวรรค์บนดินสำหรับใครหลายคน

แต่สำหรับศิลปินชื่อก้องโลก ปอล โกแกงนั้น ถึงกับเอ่ยออกมาว่า “ฉันกำลังเดินทางไปยังเกาะตาฮิติ และหวังจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต” แม้วาระสุดท้ายโกแกงจะเสียชีวิตที่อื่นก็ตาม แต่ที่นี่คือสวรรค์บนดินของเขาอย่างแท้จริง

ปอล โกแกง คือศิลปินระดับโลก แต่โลกยุคนี้มักจะตำหนิเค้า เหตุเพราะเค้าทิ้งภรรยาและลูก 5 คน หนีไปอยู่เกาะตาฮิติ ไปเป็นศิลปิน เพื่อหาความสุขและการเปลี่ยนแปลง เขามักจะหลงใหลเด็กสาว และการที่วินเซนต์ต้องตัดใบหูของเค้า เพราะโกแกง โกแกงถูกกล่าวหาว่าทำให้แวนโก๊ะบ้าคลั่ง นั่นอาจจะยังไม่เท่ากับการทิ้งอาชีพนายหน้าค้าหุ้นที่กำลังรุ่งโรจน์ ทิ้งชีวิตอันหรูหราร่ำรวยในวัย 35 ปี เพื่ออุทิศตนให้กับการเขียนภาพจิตรกรรมที่เขารักและทุ่มเทอย่างแท้จริง หลายคนมองว่าเขาเป็นจิตรกรที่วาดภาพผู้หญิงได้สวยที่สุดในโลก แต่สำหรับเค้า เค้าทำมันด้วยเหตุผลที่ยิ่งใหญ่และสูงส่งมากกว่านั้น

วัยเด็กของเขาเป็นอย่างไร
พ่อของโกแกงออกจากบ้านหลังเล็กๆในท่าเรือ ไปเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ปารีส แม่ของโกแกงเป็นคนสวย ผิวคล้ำ ชื่อว่าอารีน เธอมีเชื้อสายเปรู ตอนที่โกแกงอายุ 1 ขวบ ในปี 1849 พ่อกับแม่ของเค้าจากฝรั่งเศสมายังเปรู โกแกงเติบโตในกรุงลิมา แต่พ่อของเค้ากลับไม่ได้อยู่ด้วย เค้าหัวใจวายกระทันหันบนเรือ การจากไปอย่างกะทันหันของพ่อ ส่งผลอย่างมากต่อสุขภาพจิตของโกแกง เขาเป็นทารกที่ถูกพรากจากทุกสิ่งที่เค้ารู้จัก ต้องกำพร้าพ่อ ต้องมาเจอกับชีวิตที่ใหม่และแปลก โกแกงมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่อายุ 1-7 ขวบ ที่บ้านของประธานาธิบดีแห่งเปรู ญาติชาวเปรูของเขาทริสตัน อีมอสโคโซ เป็นบุคคลสำคัญคนนึงในอาณานิคมแห่งนี้ ในสเปนนั่นเอง

โกแกงอ้างในบันทึกของเค้าว่า ลุงของเค้าก็คืออุปราชคนสุดท้ายแห่งเปรู เค้าสืบเชื้อสายบอร์เจียแห่งสเปน ตระกูลนี้ชั่วร้ายที่สุดในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ไม่มีใครเชื่อเค้า แต่มันเป็นเรื่องจริง ปิโอ ลุงของเค้าเป็นนักการเมืองหัวรุนแรงฝ่ายขวา เป็นคนนึงในตระกูลบอร์เจีย และเป็นอุปราชคนสุดท้ายแห่งสเปน ปัจจุบันนี้ทุกสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือรูปจางๆและเอกสารยับๆบางอย่าง สิ่งพิเศษนั่นคือ ลุงของเขามีลายมือที่สวย โกแกงเองก็เช่นกัน

ความทรงจำของโกแกงที่มีต่อแม่ของเขาก็คือ เธอมักจะสวมชุดพื้นเมืองแบบชาวกรุงลิม่า ที่โผล่มาแค่ตาข้างนึง ซึ่งจะมองแบบยั่วยวน ทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด ในขณะที่ตาอีกข้างจะเก็บซ่อนเอาไว้อย่างลึกลับ ด้วยเหตุนี้โกแกงจึงมักหลงใหลผู้หญิงที่มีภาพลักษณ์พื้นเมืองเสมอ

โกแกงอายุ 18 เดือนเมื่อมาที่นี่ และจากไปเมื่อ 18 ปี ที่ลิมาเขาได้พบกับงานศิลปะเป็นครั้งแรก มันทำให้โกแกงรู้จักศิลปะในแบบที่ต่างไปจากคนอื่นๆ เมื่อแม่พาเค้ากลับฝรั่งเศส เค้าและน้องสาวเข้ามาอยู่บ้านเดิมของพ่อ โกแกงพูดฝรั่งเศสไม่ได้ เลยกลายเป็นเหมือนคนต่างด้าว เค้าใช้ภาษาสเปน พูดภาษาไม่ได้ เพื่อนก็ไม่มี แถมไม่มีแดดด้วย โกแกงเข้าโรงเรียนประจำที่นี่ เขาเกลียดทุกวินาทีที่อยู่โรงเรียน สวด เรียน แล้วก็สวด เค้าอยากหนีไปทะเล และใช้ชีวิตสงบที่นั่น และเมื่อเขาเริ่มหลงใหลในศิลปะ นี่คือสิ่งที่เขาปรารถนา และมันเป็นจริง 

1 เมษายน ปี 1891 โกแกงออกเดินทางจากท่าเรือมาร์เซยย์ ของฝรั่งเศสไปยังเกาะตาฮิติ อาณานิคมของฝรั่งเศส ไปพร้อมความฝันและความหวังอันเต็มเปี่ยม เขาหลงรักที่นี่ ผู้คน ท้องฟ้า ทะเล สิ่งเหล่านี้สื่อสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนผ่านสีสันอันสดเข้มในภาพจิตรกรรมของเขา โกแกงเริ่มเขียนภาพในรูปแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ ต่อมาได้คลี่คลายเป็นรูปแบบโพสอิมเพรสชั่นนิสม์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อพัฒนาการของศิลปะสมัยใหม่

เขากลายเป็นหนึ่งในศิลปินแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 19 ของประเทศฝรั่งเศส ผู้ปฏิวัติวงการศิลปะของโลก ผลงานสร้างสรรค์ของเขาแหกกฎประเพณีเช่นเดียวกับวิถีชีวิตของเขา แม้หนทางที่เขาเลือกใช้ชีวิตไม่เคยสวยหรู ต้องจมอยู่กับความยากจนและความเจ็บป่วย

แต่นี่คืออิสระแห่งการใช้ชีวิตที่ตนเองต้องการ

โกแกงเสียชีวิตในวัย 54 ปี ที่เกาะมาร์เควซาส แต่สุดท้ายศพของเขาได้ถูกนำไปฝังที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเกาะตาฮิติ สถานที่ที่เขารักมากที่สุด

นี่คือสิ่งที่เขาปรารถนา และมันเป็นจริง

อ้างอิงบางส่วนจาก :
– สารคดี ปอล โกแกง
– ตาฮิติ สวรรค์บนดินของ ปอล โกแกง คอลัมน์ : 108-1000 – ศิลป์ โดย รองศาสตราจารย์ ดร. กฤษณา หงษ์อุเทน

You may also like...