ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์

จากความประทับใจในเรื่องราวของอาหาร ที่ได้ลงมือเข้าครัวกับคุณย่ามาตั้งแต่วัยเยาว์ ค่อยๆก่อกลายเป็นความรักความผูกพัน ประกอบกับได้เรียนรู้การทำอาหารจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารชาววังระดับประเทศ อย่างหม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ หม่อมหลวงต่อ  กฤดากร ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ จึงไม่น่าแปลกใจว่าวันนี้ คุณดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ กลายเป็น Guru ด้านอาหาร และเป็น  Food Stylist ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบอาหารระดับแถวหน้าของประเทศ และกำลังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากล

แม้กระทั่งอาหารบางอย่างที่ผู้คนมักมองข้าม ถ้าผ่านการขบคิด ผ่านฝีมือการปรุงการออกแบบของหนุ่มหน้าใสคนนี้แล้ว อาหารที่แสนธรรมดาสามารถกลายเป็นอาหารจานสวยรสชาติระดับชาววังในทันที

ArtBangkok.com ได้รับเกียรติจากคุณดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ มาบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางบนเส้นทางที่เขารัก และได้ฝากข้อคิดดีๆถึงคนที่กำลังหลงเสน่ห์การออกแบบอาหาร และกำลังจะก้าวเข้ามาเป็น Food Stylist ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนี้

จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ

“ผมจบปริญญาโทด้าน Cultural Heritage and Contemporary Arts Management มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาตรีจากคณะโบราณคดีมหาวิทยาลัยศิลปากร เคยเป็นนักโบราณคดีและภัณฑารักษ์ของกรมศิลปากร ก่อนออกมาเป็นนักออกแบบเรื่องราวให้พิพิธภัณฑ์และนิทรรศการทั้งในและต่างประเทศ ผลงานที่สร้างชื่อคือ “มิวเซียมสยาม”  ทว่าด้วยใจรักและผูกพันในการทำอาหารกับคุณย่ามาตั้งแต่เด็ก และได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากผู้มีฝีมือด้านการครัว อย่างหม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์  หม่อมหลวงต่อ  กฤดากร ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ ผมจึงหันมาสนใจทางด้านการออกแบบอาหาร”

ผลงานที่ผ่านมาของคุณดวง
ปัจจุบันผมมีงานเขียนคอลัมน์อาหาร และจัด styling อาหาร ให้กับนิตยสาร Health & Cuisine และ  Harper’s Bazaar (Thailand)

เป็น Guru ด้านอาหารในรายการ Food&Health Gang ช่อง True Vision 67

รวมถึงเป็นเจ้าของร้านอาหาร Tempi Felici ที่ Palio เขาใหญ่

ตลอดจนเป็น Freelance Food Stylist โดยงานที่ผ่านมาได้ออกแบบอาหารให้กับแผ่นพับ สิ่งพิมพ์ให้กับ Central Food Hall และ S&P เป็นต้น

นอกจากนี้ผมยังมีพื้นที่เล็กๆ ที่รวบรวมเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาหารไทยโบราณมากมายในอัลบั้มรูป “เรื่องเล่า..หน้าเตาถ่าน” ใน www.facebook.com/duangrithi.claewplodtook

 

คุณดวงก้าวเข้ามาสู่งาน Food Stylist ได้ยังไง
โดยส่วนตัวให้ความสำคัญและสนใจศึกษาในเรื่องศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะเรื่องราวของอาหารไทยในสมัยก่อน ซึ่งมีเรื่องเล่าสนุกสนานมากมาย อย่างเช่น คอลัมน์ Taste & Tales นิตยสาร Health & Cuisine ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจของกับข้าวกับปลาไทยในอดีต ผ่านการพูดคุยสนทนาระหว่างคุณย่ากับหลานชาย ซึ่งก็คือตัวผมเอง

แรงบันดาลใจแต่ละครั้งในการสร้างผลงานสวยๆ
แรงบันดาลใจในการสร้างงานทุกครั้งมาจาก “การมองให้เห็นความงามของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่” ว่าเราจะนำเสนอในมุมมองไหนที่จะนำเสนอเค้าออกมาให้โดดเด่นที่สุด สวยงามที่สุด ดึงเสน่ห์ของเค้าออกมาให้มากที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือ “มองให้เห็นความสวยแม้ในความไม่สวย” ให้ได้ สิ่งที่ทำให้มีผมมีวันนี้ คือ รักในงานที่ทำ สนุกในงานที่ทำ คิดอยู่เสมอว่า “เวลาทำงานเหมือนได้เล่นในอยู่ในสวนสนุก ฉันมีความสุขที่สุดเวลาทำงาน”

ฝึกฝนตัวเองมาจากอะไร
ฝึกฝนตัวเองมาจากการพิจารณาความงามในทุกแง่มุมของวัตถุดิบที่จะทำออกมาเป็นชิ้นงาน การทำซ้ำหลายๆครั้ง สำรวจข้อผิดพลาด นำมาแก้ไข ปรับปรุง เปิดใจให้กว้าง เปิดโลกทัศน์ให้กว้าง ดูงานทั้งของเมืองไทยเราเองและของต่างประเทศให้เยอะที่สุดแล้วนำมาปรับปรุง ต่อยอด

คุณดวงมีมุมมองต่องานสไตลิสต์ในประเทศไทยอย่างไร
งานสไตลิสต์ในประเทศไทยยังเปิดกว้างอีกมาก มีคนเก่งมากมายที่มีฝีมือเทียบเท่าในระดับสากล

แล้วมุมมองต่องานสไตลิสต์ในระดับโลก
งานสไตลิสต์ระดับโลกนั้นคิดว่า งานสไตลิสต์ทุกงานเป็นงานสากล เพราะการมองของให้สวย เป็นเรื่องของความเป็นสากล เป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่แบ่งชนชาติ ศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเรามีใจที่เปิดกว้าง มองโลกในแง่ดี มองโลกให้สนุก สดชื่น สวยงาม งานทุกงานของเราก็จะมีความเป็นสากล

ดีไซเนอร์ในดวงใจ
ดีไซเนอร์ในดวงใจมีหลายคนมาก เพราะทุกคนมองโลกในแง่มุมที่สวยงามไปหมด ที่น่ารัก ละเมียดละไมที่สุด เช่น คุณป้า มาร์ธา สจ็วรต (Martha Stewart)

ค่าตัวของสไตลิสต์สำหรับคนที่อยากจ้าง เขาคิดกันยังไง มีเกณฑ์ตรงไหน
ผมว่าแล้วแต่ประสบการณ์ ความสามาถของสไตลิสต์ ขอบเขตของงาน ความยากง่าย ปริมาณของงาน และประเภทของงาน ถ้าไม่นานนัก 2-3 shot ภายในครึ่งวันราคาไม่สูงมากอยู่ในเรทปกติ ถ้างานต้องใช้เวลานาน ผูกพัน 2-3 วัน ราคาก็จะสูงขึ้นตามปริมาณและเวลาของงาน

หากน้องๆรุ่นใหม่สนใจงานด้านนี้ มีข้อแนะนำอย่างไร
มองโลกในแง่ดี เห็นมุมมองที่สวยงามในทุกสรรพสิ่ง “มองให้เห็นความสวยแม้ในความไม่สวย” ข้อนี้สำคัญมาก ขอให้”รัก”ในงาน เพราะพอรักแล้วเราจะมีวิธีทำให้งานของเราออกมาดีเอง อย่าฝืนความรู้สึกเพราะถ้าฝืน ทำอย่างไรงานก็จะออกมาไม่สวยแน่นอน

การได้ลงมือทำในสิ่งที่ตนรักและรักในสิ่งที่ตนทำนั้น คุณค่าของผลงานจะทำให้ผู้คนที่ได้เห็นได้ชื่นชมสัมผัสได้ แต่คุณค่าที่เด่นชัดกว่านั้นคือ การที่เราสามารถหยิบจับของที่ทุกคนมองข้าม ดูไร้ราคา มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นของที่ทุกคนต้องเหลียวมองนั้น นับเป็นความสามารถเฉพาะตนที่ยากเลียนแบบ และน่ายอมรับเป็นอย่างยิ่ง

คุณดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Guru ด้านอาหาร และ Food Stylist ระดับประเทศ
เป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิประจำหลักสูตร Professional Food Stylist
ของ ArtBangkok.com : Training Workshop 

ผู้สนใจสมัคร คอร์สฝึกอบรม PROFESSIONAL FOOD STYLIST 

หลักสูตร: Professional Food Stylist
(Principle + Creative Design + Trends) 

ความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับงานฟู้ดสไตลิสต์ระดับมืออาชีพ

ติดต่อสอบถามได้ที่: ฝ่ายงานฝึกอบรมศิลปะและการสร้างสรรค์
ArtBangkok.com : Training Workshop  บริษัท ดีพี สตูดิโอ จำกัด

โทร. 084-3345353

อีเมล์ ArtMaster@ArtBangkok.com

 

 

 

 

You may also like...