ยืนยง โอภากุล ดนตรีเพื่อชีวิต…ชีวิตเพื่อดนตรี

เมื่อครั้งที่เสียงดนตรีเพื่อชีวิต ถูกนิยามว่าเป็นดนตรีแห่งมวลชน เป็นเสียงสะท้อนเรื่องราวและเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ความผาสุข ความยุติธรรมและความเสมอภาคให้กับสังคม คงไม่มีเสียงใดกึกก้องในหัวใจมวลชนได้เทียบเท่าบทเพลงของคาราบาว ดนตรีที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการตลาดจำแนกผู้ฟังว่าเป็นเพลงของเด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น คนบ้านนอก คนเมือง ดนตรีที่ใครๆก็ฟังได้ ร้องได้ และคิดตามได้ 

 

 

จวบจนคลื่นโลกาภิวัฒน์โหมกระหน่ำ ซ้ำด้วยกระแสทุนนิยม เปลี่ยนผันสู่ยุคสมัยที่ผู้คนในสังคมคุ้นเคยกับคำว่า ‘ มหาชน ‘ มากกว่า ‘ มวลชน ‘ ดนตรีชนิดที่เคยเป็นกระแสหลักถูกกติการอบด้านตีกรอบให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกท่ามกลางความหลากหลาย วงดนตรีเพื่อชีวิตน้อยใหญ่ค่อยๆสลายล้มหายตายจากไป ว่ากันว่า … ส่วนน้อยที่ยังอยู่ได้ก็ด้วยการยอมรับสภาพและกลายพันธุ์ แต่กระนั้น เสียงเพลงที่ร่ำร้องเพื่อความอยู่รอดของชีวิตภายใต้แบรนด์คาราบาวไม่เคยแผ่วหาย และอาจจะแทรกเข้าหูคนฟังได้ง่ายกว่าครั้งอดีตผ่านความอนุเคราะห์ของเทคโนโลยีอันเลิศล้ำ

 

แอ๊ด คาราบาว หรือ ยืนยง โอภากุล มิได้เป็นเพียงนักรบในตำนานแห่งวงการเพลงเพื่อชีวิตที่เหลือแค่ชื่อให้จดจำ แต่เป็นขุนพลเพลงเพื่อชีวิตซึ่งยังคงยืนหยัดต่อสู้บนวิถีดนตรี เคยล้ม เคยท้อ แต่ไม่เคยยอมแพ้ ด้วยทักษะทางดนตรี ประสบการณ์และมุมมองต่อโลกที่หล่อหลอมด้วยวันเวลา การทำงานด้วยความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพอย่างเสมอต้นเสมอปลาย บทเพลงคาราบาวจึงมีพื้นที่ถาวรในใจผู้ฟังทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ไม่เสื่อมคลาย

 

ในฐานะที่เป็นทั้งศิลปิน นักแต่งเพลง นักดนตรี สิ่งที่ทำให้งานของคาราบาวเข้าถึงและครองใจประชาชนผู้ฟังคืออะไร

แน่นอนต้องมีความสามารถ เขียนเพลงก็ต้องโดน ร้องเพลงเขาก็ต้องชอบน้ำเสียงเราด้วย และการ present รูปแบบดนตรีที่เร้าใจบ้าง ที่กินใจบ้าง นี่แหละคือมูลเหตุแห่งความสำเร็จ เพราะถ้าย้อนกลับไปดูวงที่เกิดขึ้นแล้วก็ตายไป ในเวลาอันสั้น มักจะทำเพลงต่อเนื่องไม่ได้ คือดังชุดหนึ่งแล้วม้วนหน้าไม่มีเพลงดัง ก็หายไป แล้วก็วงที่จะอยู่ได้ต้องเป็นวงที่ทำเพลงออกมาตลอด จะกี่ปีก็ตามจะมีเพลงฮิตอยู่เรื่อย

 

จำเป็นด้วยไหมนอกจากแรงบันดาลใจแล้วการที่เรานำตนเองเข้าอยู่ไปในอารมณ์ในความรู้สึกของทั้งเนื้อเพลง และอารมณ์ของผู้ฟัง

มันเกิดขึ้นเอง เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เราทำเดี๋ยวเราก็จะอินไปเองแหละ เพราะว่าเวลาเราทำเพลงแต่ละเพลงมันต้องมีเวลาอยู่กับมัน ศิลปินปฏิเสธเรื่องอารมณ์ไม่ได้ครับ

 

สิ่งที่ทำให้สร้างผลงานได้มากที่สุด มาจากไหน

เราต้องจินตนาการขึ้นมาก่อน ตั้งโจทย์ขึ้นมา แล้วก็เดินไปหาโจทย์มัน ถ้าไม่มีโจทย์เลย ก็จะว่างเลย มันไม่มีเป้าหมาย อย่างสมมติมีคนมาเรียกผมไปทำเพลงประกอบ ตอนนี้กันตนาเขาเรียกผม ไปทำเพลงประกอบช้างก้านกล้วย ผมก็ไปดูหนัง มันเป็นหนังที่ดีมาก เรื่องราวเกี่ยวกับช้างของพระนเรศวร ผมก็บอกอย่างนี้ ผมทำได้ กลับมาผมก็มาแต่ง ถ้ามีโจทย์แล้วก็ง่าย แต่ถ้าไม่โจทย์สิ…แล้วจะเขียนอะไร

 

ชีวิตที่อยู่กับความชื่นชมของคนอื่น จะต้องตอบโจทย์คนที่ชอบเรา หรือว่าเราเป็นอย่างนี้แล้วเขามาชอบเราเอง และเคยมีโจทย์อะไรที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนชีวิต

ผมผ่านขั้นนั้นมาเยอะแล้ว ชีวิตผมไม่ได้อ่อนแอแบบนั้น เรื่องนี้มันก็อาจจะมีอยู่จริง คนก็อาจจะคาดหวัง อย่างบางคนเขาคาดหวังว่าผมจะต้องออกไปอยู่กับม็อบกู้ชาติของสนธิ แต่ผมก็ไม่ได้ออกไป ผมไม่แคร์ด้วย ก็ในเมื่อผมไม่พร้อมจะออกไป ผมก็ไม่ออกไป ผมมีเหตุผลในใจของผม แต่ผมไม่จำเป็นต้องไปบอกเขา คุณอาจจะได้ฟัง ผมอาจจะแต่งเพลง ผมออกไปช่วยพวกคุณ แต่ในขณะเดียวกันผมคงไม่ออกไป

 

เป็นเพราะในยุคนั้น(เหตุการณ์เดือนตุลาฯ)ที่เคยร่วมอุดมการณ์ มาถึง ณ ปัจจุบันตัวเราและวุฒิภาวะเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า

หลายอย่าง มันมีหลายอย่างประกอบกันที่ทำให้ผมไม่อยากออกไป และผมก็เอาใจช่วยเขามาโดยตลอด จริงๆ แล้วผมเดินสายเล่นคอนเสิร์ตทุกวัน ผมพูดเรื่องนายกฯ ทักษิณมาตลอด ผมเป็นคนต้นๆ เลยที่เริ่มด่าทักษิณ ก่อนสนธิด้วยซ้ำ (หัวเราะ) จนบางทีผมทะเลาะกับผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ผมนับถือมาก

 

แนวทางของการเป็นศิลปินกับการที่บางคนบอกว่าศิลปินมีวิถีที่สามารถชี้นำสังคม เป็นอย่างนั้นจริงเท็จแค่ไหน

จริงครับ คือศิลปินก็เป็นเหมือนนักเขียน นักข่าว มันสามารถไปโน้มน้าวคนให้มีความเชื่อในแบบที่เราคิดได้ แล้วได้ค่อนข้างเนียนกว่าข้อความด้วยซ้ำ เพราะมันเข้าไปในรูปแบบความบันเทิง มันก็ค่อยๆ ซึมเข้าไปแล้ว จึงสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่มีการต่อสู้ จะเป็นเพลง…อย่างครั้งนี้ก็มี ไอ้หน้าเหลี่ยม หรือสมัยก่อน 14 ตุลาก็มี พี่เสก(เสกสรรค์ ประเสริฐกุล)เขียน สู้เข้าไปอย่าได้ถอย มวลชนคอยเอาใจเราอยู่ (เพลงมาร์ชพลังประชาชน วงกรรมาชน) หลังจากนั้นมาก็เกิดคาราวาน ก็มีกระแส หรือไปต่างประเทศทุกประเทศที่มีการต่อสู้ จะมีเพลงหมด มันเป็นตัวเชื่อม มันเป็นตัว relax

 

ณ ตอนนั้นที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งเป็นสหายเชี่ยว (แหลม-เยี่ยม) กับ ณ ตอนนี้วิถีมันเปลี่ยนไปไหม การต้องสู้ทางสังคม และโดยบทบาทของศิลปินที่เข้ามา

ปัจจุบันนี้ไม่มีพรรคคอมมิวนิสต์อีกแล้ว แต่มันจะกลายเป็นว่า การต่อสู้ครั้งใหม่ เป็นเรื่องของประชาชนที่ถูกทุนนิยมเอาเปรียบ ในสมัยก่อนพรรคคอมมิวนิสต์เกิดขึ้นเพราะเผด็จการมันรังแกประชาชน คนในเมืองก็ต้องหนี้เข้าไปอยู่ในป่า อยู่ในเมืองไม่ได้มันฆ่าหมด

 

เวลาที่ไม่สบายคุณพึ่งอะไร ศาสนาหรืออะไร

ไม่มี

 

คุณแอ๊ดเป็นคนแข็งพอสมควรหรือเปล่า

ศิลปินแต่ละคนมีอารมณ์ไม่เหมือนกันหรอก อย่างพี่หงา(สุรชัย จันทิมาธร)กับผมนี่ต่างกัน พี่หงาแกจะเดินหนี คือเวลามีอะไรแกจะ เฮ้ย..ไม่เอาน่า แต่ของผม ผมไม่พอใจอะไร ผมกระโดดใส่เลย แต่พี่หงาแกจะไม่ แกจะใจเย็นกว่าผม แต่ในความละเอียดอ่อนในอารมณ์ของแต่ละคนจะแตกต่าง อย่างผมจะมีความละเอียดอ่อนเท่าพี่หงาไม่ได้ ภาษาของแกจะอ่อน จะสวยงาม เรื่องราวที่เล่าจะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ของผมก็จะเป็นแบบแข็งๆ แล้วก็เป็นอีกแบบที่แตกต่าง

 

ความรู้สึกเมื่อแต่งเพลงเคยไหมทู้สึกว่าเฮ้ย !!! มันออกมาได้ยังไง พี่เคยมีโหมดแบบนั้นไหม มันช่างดีซะจนมันมาจากไหน

มันออกมาโดยที่เรา…แต่จริงๆ มันก็ออกมาจากตัวเรานั่นแหละ แต่เราไม่เคยคิดมันมาก่อน ไม่ใช่แค่การแต่งเพลง ดนตรีที่เราดีดไปไม่เคยคิดมาก่อนเลย อย่างโซโลเพลงเว้นวรรค ผมจับกีตาร์ผมเล่นเลย มันออกมา เออ..ดีเว้ย เอาเลย หรือ(เพลง)ทะเลใจก็เหมือนกัน ผมจับกีตาร์ พอรู้ว่าคอร์ดเป็นแบบนี้ก็โซโลไปเลย แล้วก็ออกมา ไม่เคยคิดมาก่อน มันอยู่ในตัวเรานั่นแหละ

 

ถ้าเป็นฝรั่งเขาก็ต้องบอกว่า เหมือนพระเจ้าส่งมา

ไม่ต้องพระเจ้าหรอก มึงนะแหละสร้างของมึงเอง แต่ว่ามึงไม่เคยได้เอามันออกมาใช้ ไม่มีจังหวะ พอมันมีจังหวะมันก็ออกมาเอง ถ้าผมเป็นคนที่เล่นกีตาร์ไม่เป็น แล้วอยู่ๆ ผมจะมาทำอย่างนี้ได้หรอ ใช่ม่ะ มันต้องเล่นกีตาร์เป็นก่อน แล้วต้องเล่นมาจนชำนาญ แล้วต้องเล่นมาในแนวนี้ จนมีเมโลดี้อยู่ในใจ แต่ไม่เคยเอามาใช่ เพราะมันยังไม่เคยเกิดเรื่องนี้ พอเกิดเรื่องนี้ เลยได้ทำออกมาได้ จริงเราไม่มีอะไรบันดาลหรอก เราบันดาลตัวเราเอง

 

มันคือพรแสวงที่มากกว่าพรสวรรค์หรือเปล่า

คนที่เล่นดนตรีต้องมีพรสวรรค์อยู่ อย่างเสียงร้องก็ดี หรือความชำนาญในเรื่องของการเล่นเครื่องดนตรีก็ดี แต่ทั้งหมดนี้ ก็ยังเป็นรองพรแสวง ถ้ามันมีแต่พรสวรรค์แต่ไม่มีพรแสวงมันก็ไปจอด เมื่อมีพรสวรรค์แล้วต้องแสวงให้เยอะ มันถึงจะอยู่ได้ยาวประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ อย่างมือกีตาร์ผม เขาเล่นกีตาร์วันละหลายๆ ชั่วโมง ไม่เคยหยุดเลยเล่นตลอดเวลา ตั้งแต่วันแรกที่เขามาอยู่กับผมจนถึงวันนี้ฝีมือเขาห่างกันเยอะมาก เมื่อก่อนให้ทำอะไรที กว่าจะดีดได้ตั้งนาน เห็นเลยว่าคนที่มีพรสวรรค์อยู่แล้วแต่ถ้าไม่แสวงก็ไม่มีทาง

 

เพราะฉะนั้นสัดส่วนพรสวรรค์ ถ้าให้เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์

พรสวรรค์สัก 20 นอกนั้นแสวง ผมเองเขียนเพลงแรกในชีวิตโคตรยากเลย แต่เดี๋ยวนี้บางวันผมเขียน 2 เพลง

 

คนปกติมันต้องมีกราฟ มีชื่อเสียงนะโอเคใช่ แต่ว่าถ้าพูดก็เหมือนเลีย อัจฉริยะอย่างเพลงดอกไผ่บาน

ผมไม่ได้บังเอิญหรอก ก็คือเราก็ตั้งใจทำ พี่เป็นคนช่างสังเกต อย่างเพลงดอกไผ่บาน พี่ก็นั่งกินเหล้าอยู่ที่โอลด์เล้ง (ภัตตาคารโอลด์เล้ง อาร์ซีเอ มี วรพจน์ ประพนธ์พันธุ์ เป็นเจ้าของร้าน )แล้วก็มีต้นไผ่อยู่ 2 ต้น บอกไอ้วา ทำไมไผ่มึงไม่ตายวะ? ปกติไผ่ออกดอกมันก็ตาย แต่ไผ่ 2 ต้นนี้มันไม่ยอมตาย พี่ก็เลยเอามาเขียนคล้ายนิทาน เหมือนความรักของหญิงชายคู่นี้จะรอจนกระทั่งดอกไผ่บาน ถึงวาระสุดท้าย แต่จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับต้นไผ่ที่โอลด์เล้งที่มันไม่ยอมตาย ที่มันไม่ตายอาจจะเป็นเพราะว่ามันกินเหล้าเยอะก็ได้ เพราะผมเวลาชงเหล้าบางที ชอบสาดมัน บางทีมันอาจจะกินเหล้าเยอะ มันเลยไม่ยอมตาย

 

แล้วสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสร้างมามันคือสิ่งที่สร้างไปแล้วหรือยัง

พี่ว่ายังไม่สร้างนะ กำลังสร้างไปเรื่อยๆ นั่นแหละคือเป้าหมาย ผมว่าอนาคต เราอาจจะรู้อดีตของเราได้ แต่ว่าเราไม่ควรจะฟูมฟายกับความสำเร็จในอดีต พี่ว่าเราเดินหน้าไปสู่อนาคตดีกว่า แต่ไม่ใช่เราวางอนาคตไว้เลิศหรู พี่ขอมีชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ พี่มีความสุขแล้วที่ได้เป็นอย่างนี้ อยู่ง่ายๆ กินง่ายๆ แล้วก็ทำงานมีลูกน้อง เห็นการเจริญเติบโตของพวกเขา เราก็มีความสุข

 

ในชีวิตนี้กลัวอะไรบ้างไหม

ไม่กลัว มันเป็นธรรมชาติต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย นี้เรื่องจริง ตายยังไม่กลัวเลย บางทีลูกเกเร ผมบอกว่า ทำตัวแบบนี้พ่อจะฆ่าตัวตาย เพราะจะได้ไม่ต้องเห็นความระยำของมัน ผมเป็นคนที่ไม่กลัวมาตั้งแต่เด็ก ผมว่ายน้ำไม่เป็นในตอนนั้น แต่ว่าผมก็ไปเล่นน้ำ แล้วผมเอาเรือออกไป เรือแม่งล่ม คิดดูกลางแม่น้ำ ผมต้องว่ายน้ำกลับเข้ามา ทั้งๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ผมก็ว่ายกลับมาถึงฝั่งได้ ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่กลัวน้ำอีกเลย ผมก็ว่ายได้

 

ศิลปินหลายคนกลัวผลงานไม่ขาย กลัวไม่ดัง แล้วตอนนั้นคุณแอ๊ดเคยกลัวอย่างนี้ไหม

ไม่กลัว เพราะผมทำขายได้ก็ขาย ขายไม่ได้เดี๋ยวก็ทำใหม่ ไม่ใช่ว่าผมทำมาทุกชุด ผมจะขายได้ บางชุดขายไม่ได้เลย อย่างชุดประชาธิปไตย แต่ว่ามีเพลงดังคือ เพลงพระเจ้าตาก แล้วก็เป็นเพลงอมตะ บางทีใน 2 – 3 ชุดของคาราบาว มันจะมีสักเพลงกลายเป็นอมตะ แล้วถ้าเราทำ 30 ชุด คิดดูเราอาจจะมี 20 เพลงที่เป็นอมตะ

 

สิ่งที่ค้นพบเหตุผลในความเป็นอมตะของเพลงบางเพลง

มันไม่มีสูตรสำเร็จ ถ้าผมทำเพลงได้อย่างนี้ ทะเลใจหรือดอกไผ่บาน หรือคนล่าฝัน ผมก็อยากทำแบบนั้น แต่มันไม่ได้ มันไม่ใช่ นี่แหละคือศิลปิน

 

มีมุมมองอย่างไรกับศิลปินรุ่นน้องหรือรุ่นลูกหลาน พวกเขาก็มีส่วนชี้นำสังคม

พี่ก็เป็นกำลังใจให้เสมอ เจอปูเจอใคร ก็บอกทำเพลงสิ ช่วยๆ กันทำ จะได้ดูแลบ้านเมืองให้มันสะอาดขึ้น เพราะบทเพลงของพวกเรามันไปช่วยกวาดบ้านได้ อย่างน้อยก็ไปอยู่ในใจคนที่เขารับไป แล้วเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น คนละนิดคนละหน่อยดีกว่าที่ไม่ทำอะไรเลย ผมก็ยุทุกครั้งที่เจอ เจอเพื่อนๆ ในวงการ อย่างใครออกอัลบั้มใหม่ ผมก็ไปให้กำลังใจ

 

คิดว่าเราถูกคาดหวังจากสังคมไหม

ไม่เขวนะ ผมก็ยังเป็นตัวของผมเอง ลองไปเปิดเน็ตดูดิเขาด่าผมจะตาย

 

ในเพลงของคุณแอ๊ดมักจะเป็นมุมมองของบุคคลที่ 3 อยู่เสมอ แม้กระทั่งความรัก

ผมอาจจะตั้งหลักในการเขียนไม่ถูกก็ได้ ผมไม่ค่อยแยกว่าผมเป็นใคร เป็นบุคคลที่ 3 หรือ ที่ 1 ผมไม่ได้แยกอย่างนั้น เวลาผมเขียนนึกอะไรได้ผมก็เขียนอย่างนั้น ไม่เคยเอามาคิดก่อน ผมเริ่มร้องเพลงจากเพลงเพื่อชีวิตที่พูดถึงสังคม อย่างผมไปร้องเพลงรัก แล้วใครเขาจะฟัง มันเป็นเหมือนตรายางไปแล้ว อย่างบุคลิกผมกระด้าง ก้าวร้าว

 

เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกเดินในวงการบันเทิง

เพราะว่า ผมหิว ผมไม่มีจะกิน ผมเลยต้องร้องเพลง มันมาจากปากท้องจริงๆ ตอนผมอยู่กับพรรคคอมมิวนิสต์ เขาก็ให้ผมเลิก ผมก็บอกว่า ถ้าให้กูเลิก กูจะเลิกกับมึง

 

แต่เวลาคุณขึ้นเวทีคุณเป็นผู้มีอำนาจตรงนั้น

ไม่หรอก ผมทำดนตรีก็เพราะว่าผมหิว ผมแบกกีตาร์ออกจากบ้านมา แล้วผมก็มาหางานทำในกรุงเทพฯ เรียนไปด้วย เล่นดนตรีกลางคืนไปด้วย ร้องคนเดียวคืนหนึ่งได้ 200 บ้าง 150 บ้างก็เอา แล้วก็เรียนไปร้องไป ไปฟิลิปปินส์ก็ไปทำอย่างนี้อีกไปตั้งวง กลับมาวันแรกแทนที่จะกลับบ้าน นู่น…พอดีพี่ชายผมเล่นอยู่ใต้ถุนออสการ์ ผมก็ไปนั่งเล่นอยู่กับเขาอาทิตย์หนึ่ง เพื่อเอาตังค์ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน

 

พอกลับเข้ามาก็ไปทำงาน ผมก็ยังต้องเล่นดนตรีอยู่ ชีวิตเราก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งโต๊ะทำงานอย่างเดียว กลางคืนเราก็ออกไปเล่นดนตรี ก็ได้ตังค์มาเลี้ยงตัวเองบ้าง วันหนึ่งเขาก็มาจ้างผมให้เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวงแฮมเมอร์ ทำเพลงประกอบหนัง เรื่องหมามุ่ย ผมก็เลยได้รู้ว่ามันทำอย่างนี้เองนี่หว่าเพลง มันก็ไม่ได้ยาก เราทำบ้างดีกว่า ก็เลยออกเพลงชุดลุงขี้เมา พอมีลุงขี้เมา ก็มีแป๊ะขายขวด ทีนี้ยาว พอมาได้ made in Thailand ก็กลายเป็นมีบ้านมีช่อง มีรถมีอะไร ก็เลยต้องออกจากงาน เดินทางสายนี้มาโดยตลอด

 

เห็นมั้ยครับมันค่อยๆ มา ไม่ใช่อยู่ดีกระโดดพรวดออกมาเป็นแอ๊ด คาราบาว มันค่อยสะสมมา มันมาจากความหิว แต่ตอนนี้มันไม่หิวแล้ว มันก็เดินไปเรื่อยๆ อยากทำงานที่ดีๆ ออกมาให้แฟนๆ

 

ความสุขของคุณคืออะไร ถ้าให้นิยามออกเป็นคำพูด

ได้มีงานที่ตัวเองรักทำ มีรายได้กลับมาจุนเจือ ไม่ให้มันติดลบ แค่นี้ก็เป็นความสุขแล้ว

 

ถ้าตอนนี้ไม่ได้เป็นศิลปิน คิดว่าตอนนี้จะเป็นอะไร

ผมก็คงนั่งเขียนแบบอยู่ที่การเคหะ ในตำแหน่งสถาปนิก ตอนนี้ก็อาจจะอยู่ในตำแหน่งซี 7 หรือซี 8 ซึ่งมันคงยังมีความสุข เพราะว่าผมไม่ชอบอาชีพนั้นเท่ากับอาชีพนี้หรอก แต่ที่ผมต้องไปตรงนั้นเพราะพ่อบอกให้เรียน พ่อบอกให้เป็นสถาปนิกให้ได้

 

เป็นเพราะส่วนหนึ่งคุณพ่อเคยอยู่ในแวดวงข้าราชการมาก่อนหรือเปล่า

ไม่หรอก จริงๆ พ่ออยากให้ผมเรียนให้จบ แล้วก็ออกมาเปิดร้านขายของ แล้วก็รับเหมาก่อสร้าง ขายของก็คือ ขายวัสดุก่อสร้าง ท่านมองว่าอาชีพราชการไม่รวยหรอก ถ้าจะตั้งหลักได้ต้องทำด้วยตัวเอง แต่นี่ผมก็เปลี่ยนเจตนาพ่อมาเป็นอย่างอื่น คือผมก็มาทำดนตรี ตอนนี้ผมก็ทำงานขึ้นเอง ประดิษฐ์มาจากสมอง ต้นทุนต่ำมาก

 

คุณพ่อก็ไม่ให้ความสนับสนุน เป็นเพราะว่ายุคนั้นศิลปินทุกมองว่าเต้นกิน รำกิน มันไม่ความจีรัง

พ่อผมเป็นนักดนตรีมาก่อน แล้วก็เป็นหัวหน้าวงดนตรี มนัสและสหาย เคยเล่นถวายให้ในหลวง ในหลวงยังมอบเงินให้ตำลึงนึงเลย แล้วก็ท่านไม่เคยไดเงินจากการเล่นดนตรีเลย พอได้ตังค์มาก็เอามาซื้อเครื่องดนตรี ปรับปรุงวงไปเรื่อย เป็นวงของข้าราชการที่มารวมตัวกัน แล้วก็เล่นในงานของจังหวัด ผมโตมาผมก็เห็นเขาเล่นกัน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร พ่อคงจะมีความรู้สึกว่า มันทำเงินไม่ได้หรอกลูก แต่สมัยที่พ่อเล่นดนตรีตอนนั้น แผ่นเสียงยังต้องหมุนเอาเลยมั้ง แต่ตอนผมนี้มีเทปคลาสเซ็ทไง พอมีเทปคลาสเซ็ทปุบ ยูนิคมันเยอะแล้วมันง่ายน่ะ เครื่อง 1,000 – 2,000 บาท คุณก็มีความสุข ตรงนี้มันมากับพัฒนาการทางเทคโนโลยี

 

ทำไมนักดนตรีเพื่อชีวิตถึงมีแต่ผู้ชาย

มันไม่ผู้หญิงบ้านเราที่มันเล่นดนตรี ผู้หญิงบ้านเราไม่ค่อยเล่นดนตรี มีน้อย มีเจ๊แดง(วงโฮป) คนหนึ่ง อ้อย กระท้อน ถ้าเป็นเมืองนอกนะ ผู้หญิงที่จับกีตาร์ร้องเพลง แต่งเพลงเอง ที่เป็นสาระมีความหมายที่ดี มีเยอะมาก แต่บ้านเรายังไม่มี หรืออาจจะมี ที่ผมเห็นก็มี บี๋ (คณาคำ อภิรดี) ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์กับผู้ชายยังน้อยมาก

 

มีสื่อว่าคุณมากมาย แล้วที่เขาว่าแอ๊ด คาราบาว ไม่ค่อยแคร์คนอื่น ดูถูกคนจริงหรือเปล่า

ดูถูกใคร !!! ผมพูดบ่อย บนเวทีผมก็พูด บางทีผมกำลังร้องเพลง มันเอากล้องถ่ายรูปมาจ่อหน้าผม ไอกล้องปัญญาอ่อนที่มากับโทรศัพท์มือถือ ห่างกันแค่เมตร ผมหยุดเลย ผมไล่มันออกไปเลย มึงออกไป ไม่งั้นกูเตะมึงนะ ไอห่าเขากำลังร้องเพลง กำลังมีสมาธิ มึงคิดว่านักร้องเขาเหมือนลิงในสวนสัตว์หรอ ไอ้เหี้ยมึงนึกอยากจะเอากล้องมาจ่อหน้าก็จ่อหน้า ไม่มีมารยาทเลย

 

ไม่มองว่านั้นคือความที่เขาศรัทธาเราหรอ

ไม่ ผมบอกว่ามึงรบกวนกู ไอ้เหี้ย ! เดี๋ยว…มึงกลับไปเลยไอ้สัตว์ ถ้าใครทำอีกกูจะเตะแม่งเลย เขาก็เลยเงียบ

 

แสดงว่าคุณเป็นคนดุมาก

แต่เดี๋ยวนี้เบาลงเยอะแล้ว

 

ถ้าไปเจอแบบปาปารัสซี่ ถ้าเกิดมันจะต้องเข้ามา

ไม่มีเลย ไม่มีใครกล้ามาถ่ายผมเลย (หัวเราะ)

 

คิดจะลงสมัคร สว. ไหม

สิ่งสุดท้ายในชีวิตถ้าพี่จะทำ แต่พี่คงไม่ทำหรอก จะทำตอนนั้นก็คงไม่มีน้ำยาและ การเป็นตัวเราในวันนี้ช่วยสังคมได้เยอะแล้ว แล้วเราไปเล่นการเมืองระดับอย่างนั้น ในระดับรัฐสภา ยังต่ำกว่าที่พี่ดำรงอยู่ ไม่ว่ามึงจะอยู่ข้างนอกหรือข้างในกูตรวจสอบมึงแน่

 

ในฐานะศิลปิน บางทีเคยถูกมองว่าเป็นเครื่องมือขององค์กรทางการเมืองหรือองค์กรธุรกิจ

ผมมีแต่รับจ้างตอนที่เขาตั้งพรรค ผมรับหมด ไทยรักไทย 5 แสน มหาชน 5 แสน มหาชนของชูวิทย์นะ แม่งโคตรแสบเลย มันให้มา 3 แสน แล้วอีก 2 แสน มึงเอาไปอาบน้ำ ไอ้เหี้ยกูจะอาบเดี๋ยวกูอาบเอง กูไม่ต้องเอาตังค์มึงหรอกไอ้ห่า แสบจริงๆ ชูวิทย์เนี่ย ตังค์แม่งก็มีเยอะแยะ

 

ของอาบรรหาร ผมบอกผมก็ไม่เอา แต่อาบอกไม่ได้วุ้ย คราวก่อนก็ให้ฟรีไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็จ่ายมาให้ 3 แสน ก็โอเค หนูนาจ่ายมาให้ ฮู้ย..เยอะแยะหมด ผมทำแม่งทุกพรรคเลย

 

ถ้าย้อนกลับไป คุณแอ๊ดก็เป็นสถาบันหนึ่งของสังคม เมื่อมาออกเทปกับปาน ซึ่งเป็นเพลงที่ดี แต่ภาพออกจะดูหวานๆ จะไปทำลายภาพพจน์ของความเป็นสถาบัน แอ๊ด คาราบาว ไหม

ไม่ เพลงของปาน เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลงของผู้หญิงปากจัด แล้วผู้หญิงที่ปากจัดของปาน ก็เป็นผู้หญิงที่เคยเป็นแฟนคาราบาวมาก่อน อย่างพวกนางงามตู้กระจก คนหากินกลางคืน เป็นแฟนปานแล้วก็แฟนคาราบาว ถึงเข้าคู่กันได้ดีมาก ถ้าผมไปเข้าคู่กับพี่เบิร์ดดิแย่ (หัวเราะ) เพราะผมต้องไปร้องเพลงแบบเด็กๆ กับพี่เบิร์ด ผมก็ตายเหมือนกัน กับปานเป็นการรวมกันที่ลงตัวมาก…มันเป็นการต่อยอดทางธุรกิจ

 

คิดอย่างไรกับอดีตที่มีค่ายเพลงหลายค่าย แต่ปัจจุบันถูกยุบรวม ควบรวม หรือผนวกกิจการ

มันไปไม่ไหว บอกตรงๆ ขนาดอเมริกาวอร์เนอร์ยังต้องรวมกับโซนี่ หรืออะไรก็ไม่รู้ ต้องทำให้กระชับลง ธุรกิจนี้มันโดนเรื่อง อาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ที่มันปลอมกันได้ มันทำให้มันเล็กลง ตอนนี้เขาพยายามหันเข้ามาสู่การดาวโหลดทางอินเตอร์เน็ต การขายแบบใหม่

 

อย่างนี้เทปผีซีดีเถื่อนกับ mp 3 อย่างไหนมันน่ากลัวกว่ากัน

มันน่ากลัวทั้งนั้นแหละ บางทีผมยังอยากเดินเข้าไปหาทางทรู ทางดีแทค เมื่อก่อนนี้ผมเคยคุยกับโจ โจทำงานอยู่กับชินวัตรนี่หว่า งั้นไปคุยกับทางชินวัตรดิว่า เราจะขายเพลงให้เอามั้ย คุณไปเปิดโทรศัพท์เครื่องใหม่ แล้วก็มีเพลงของคาราบาว แต่ไม่รู้มันยังไง โจงานมันเยอะ จนเขาขายทิ้งแล้ว ไม่เอาแล้วโว้ย

 

เคยระบุสถิติของตัวเองไว้หรือเปล่า ว่าแต่งเพลงเร็วสุดเท่าไร

ผมแต่งเพลงชุดตะวันตกดิน 10 เพลง ภายในเวลา 1 เดือน ไม่ใช่ว่าบางวันแต่งถึง 2 เพลง คือหมายถึงแต่งแล้วอัดเพลง อัดแล้วรีมิกซ์ภายใน 1 เดือนเสร็จ เป็นอัลบั้มชุดที่ทำได้เร็วที่สุดเท่าที่เราเคยทำมา และเป็นอัลบั้มที่ดีชุดหนึ่ง ทั้งเรื่องของเทคนิค การอัดเสียง เรื่องของภาคดนตรี และเรื่องของภาคเนื้อร้อง มันเข้ากับสถานการณ์

 

ชีวิตคุณเป็นชีวิตที่คิดคนเดียวหรือว่าคิดกันเป็นทีม

ผมจะคิดคนเดียวก่อน แล้วก็บอกกับเพื่อนกับน้องๆ เราจะทำอย่างนี้ๆๆๆ ให้เขาช่วยแชร์ความคิด แต่ผมจะคิดก่อนว่าจะทำอะไร แล้วก็บอกเขาให้มาช่วยกันทำ ไม่ใช่เผด็จการ แค่เราดูแลวงเราให้รอด ให้มันได้ยศที่ดี

 

เป็นศิลปินจะต้องคิดถึงเรื่องธุรกิจล่วงหน้าไหม

นิดหน่อย ไม่ต้องถึงขนาดเป๊ะๆ อย่างนี้…เขาปรึกษาผมว่าสิ้นเดือนพฤษภา เขาควรจะมีเทปรวมเพลงคาราบาว รวมเพลงรัก ให้ผมช่วยจัดเพลงรักขึ้นมา 10 กว่าเพลง แล้วก็แต่งเพลงใหม่สัก 3 เพลง ให้พี่แอ๊ด พี่เล็ก พี่รี่(เทียรี่) คนละเพลง รวมกับ 10 เพลง ได้มั้ย? (ผมก็บอก)ได้เดี๋ยวทำให้ ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่เทียร์รี่ร้อง ของผมมีอยู่ 5 เพลงมั้ง ผมพยายามเกลี่ยๆ มาให้ได้ 10 เพลง แล้วก็แต่งใหม่อีกคนละเพลง

 

ซึ่งทางวอร์เนอร์ถามมาว่ามีอะไรเพิ่มเติมมั้ย? ผมบอกว่าผมมี ทำไมเราไม่จัดเป็นมินิคอนเสิร์ตล่ะ แล้วให้พวก caraboe.net ที่มีสมาชิกตั้ง 10,000 กว่าคน แต่เราขอสัก 300 คนให้ดูฟรี ทายอะไรก็ได้ทางเน็ต ใครทายถูกได้มาดู เราก็ไปหาหอประชุมที่เล็กๆ แล้วเราก็เล่นสดๆ เลย ใช่ชื่อว่า ปล.รักและคิดถึง ผมบอกเขาไปว่าเป็น คอนเซ็ปต์ของผม ทำไมถึง ปล.รักและคิดถึง ปล.เหมือนกับลืมไปนะ สุดท้ายก็ลืมไป รักและคิดถึง คือเพลงทั้งหมดจะเป็นเรื่องของความรักซะส่วนหนึ่ง แล้วก็จะเป็นเรื่องของการคิดถึงบ้าน เพราะฉะนั้นทางวอร์เนอร์เขา get เลย พอมาดูวันไม่มีวันว่างเลยสักวัน มันเลยจัดไม่ได้ (หัวเราะ)

 

จากเส้นทางที่ผ่านมา คิดว่าตนเองได้มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะใคร

ความสามารถและความเป็นคนมีเพื่อน ความเป็นคนที่ซื่อตรงต่อสังคม พี่อาจจะไม่ใช่คนดีหรอก แต่พี่ซื่อสัตย์ต่อสังคม ต่อเพื่อนฝูง ต่อลูกวง ถ้าเราเป็นคนขี้โกงเราคงมาถึงจุดนี้ไม่ได้

 

คุณแอ๊ดไม่อยากใส่อาร์มานี่อะไรบ้างหรือ

ถ้าแต่งมันก็ตลก พี่ไม่ได้เกิดมาเพื่อแต่งตัวตามสไตล์เขา พี่ก็แต่งของพี่เอง พี่ก็ไม่ได้คิดว่าพี่มีสไตล์ อย่างบางเพลงพี่ก็ใส่ผ้าฝ้าย ไม่เคยคิดว่าจะต้องไปแต่งตัวเหมือนคนนู้นคนนี้

 

คนที่เลียนแบบเรา อย่างเช่นตลก รู้สึกอย่างไรบ้าง

ไม่เป็นไรหรอก สนุกดี คนเรามันทำให้โลกสดใสน่าอยู่ขึ้น

 

เรื่องที่ทำให้แอ๊ด คาราบาวโกรธได้ทันที

จะเครียดที่สุดก็เรื่องการเมือง พอคุยเมื่อไรเครียด เพราะเรามีความปรารถนาดีกับบ้านเมืองนี้ และมองเห็นการเอารัดเอาเปรียบของพวกนักการเมืองที่มีต่อประเทศชาติ ต่อประชาชนเรา มันทุเรศ เราทนไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมโลกใบเดียวกับมัน ปล่อยให้มันทำลายประเทศชาติอย่างนี้ พัง

มีวิธีแก้อย่างไร

ก็ต้องช่วยกันแก้ คืออย่างการเป็นศิลปินตอนนี้ทำได้ก็คือ แต่งเพลงช่วยกันโจมตีมัน เปิดโปงความชั่วร้ายของมัน อย่างพี่เขียนกองทุนหมู่บ้านให้เทียร์รี่ร้อง จริงๆ พี่ร้องเองก็ได้ แต่งมันเหมือนว่าถ้าพี่ร้องมันก็คืออย่างนี้ แต่ถ้าให้เทียร์รี่ร้อง เออ..คนมันจะคิดเว้ย ขนาดเทียรี่ยังคิดเลย คนหวานๆ ยังออกมาพูดเลย ในความคิดของพี่มันจบแล้วสำหรับทักษิณ แผ่นดินนี้ไม่ให้คุณกลับมาอีกแล้ว เพราะว่าถ้าคุณกลับมาบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ เพราะปัญญาชนคนชั้นกลางไม่ยอมแน่นอน แม้กระทั่งเด็กขาสั้น คอซองก็ไม่ยอม อย่างบอกให้ออกมาพูดเรื่องการขายของชาติให้กับสิงค์โปร์ มันก็ไม่ยอมพูด แต่กับให้ยุบสภา แล้วสภามันเกี่ยวอะไรกับมึงด้วย ฝ่ายค้านก็เลยออกมาบอยคอต พี่เป็นคนบอกให้บอยคอตเอง พี่โทรไปหาคุณบรรหาร บอกให้บอยคอตมันไปเลย ไอ้เหี้ยมาทำอย่างนี้กับประเทศชาติได้ยังไง ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก

 

แล้วเรื่องหุ้นละ

โคตรเกลียดเลย แต่ผมมีหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ อยู่หุ้นเดียวคือ หุ้นของ 7- eleven ตอนนั้นท่านประธารธานินทร์เขาให้มา แต่ก็ซื้อราคาตลาดนะ ตั้งแต่ซื้อมาก็ไม่รู้เลยว่ามันเป็นยังไง เพราะว่าไม่ชอบ พี่ถือว่ามันเป็นการพนันที่ใหญ่ที่สุด

 

เคยรู้สึกว่าตนเองแก่บ้างไหม

แก่

 

คุณรู้สึกตั้งแต่อายุประมาณเท่าไหร่

สัก 2 – 3 ปีมานี้ เริ่มรู้สึกว่าแก่ เพราะขาไม่ดี ต้องกินยาทุกวัน

 

เวลาขึ้นคอนเสิร์ตแล้วมีการตีกัน คุณหยุดการกระทำนั้นอย่างไร

มันอยู่ที่เหตุการณ์ เพราะการตีกัน แล้วเราสามารถที่จะห้ามม็อบได้ มันมีหลายอย่าง อย่างบางงานเขาไม่มีเจ้าหน้าที่เลย ส่วนหนึ่งเราก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ชาร์ต ดึงคนที่มันเกออกไป ลำพังเฉพาะพี่คนเดียวห้ามไม่ได้ แต่ก็มีหลายครั้งที่คอนโทรลได้ ก็แปลกมาก อย่างงานช้างสุรินทร์ ใครไปเล่นแม่งก็พัง เพราะคนเยอะมาก ตั้งแต่เคยไปเล่นที่ไหนมา คือมันไม่เก็บบัตร

 

ศิลปินในวงการบันเทิงบ้านเราเหมือนพรสวรรค์ที่สืบทอดมาทางสายเลือก และความเป็นคนสุพรรณด้วยหรือเปล่าซึ่งมีดาวประดับวงการบันเทิงบ้านเราไม่น้อย

ใช่ ศักดา(ศักดา พัทธสีมา)ก็พี่น้องกัน ตั๊ก บงกช คงมาลัย นี่ก็พี่น้องกัน ตูนก็พี่น้องกัน

 

แอ๊ด คาราบาว เป็นพ่อที่ดูแลลูกเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกไหม อุ้มเล่นเหมือนลูกคนอื่นหรือเปล่า

ไม่เป็น… แต่อุ้ม โดยเฉพาะไอ้ตัวเล็ก ผู้ชายอ่ะ เอานอนด้วย เวลาไปทัวร์ก็เอามันไปด้วย ตอนนั้นมัน 4- 5 ขวบมั้ง แล้วมันง่วงแล้วให้มันหลับ แล้วเล่นหมากรุกกัน แล้วโดนแม่งแดกเหมือนหมาเลย

 

ลูกไม่กลัวพ่อหรอ

ไม่กลัว แต่มันเล่นหมากรุก หมากฮอสเก่งมาก มันต้อนจนมุมเลย

 

การมีลูก มีครอบครัว ทำให้เราเสียพลังความสร้างสรรค์ไปบ้างมั้ย

ไม่ เป็นอะไรที่ยิ่งแจ่มมากเลย เห็นเขาเติบโตขึ้นมา

 

 

———————————————

ที่มา : นิตยสาร HI-CLASS

ข้อเขียนนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของนิตยสาร  HI-CLASS  ห้ามนำไปลอกเลียน ทำซ้ำ หรือ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย

You may also like...