บิลลี่ มิตตกริน โอแกน บิลลี่เข้ม…เสมอ

… เมื่อก่อนนี้เขาไปนู่นมานี่อยู่ตลอด สมัยเขายังดังมากๆ อยู่น่ะ รู้สึกจะเป็นช่วงบิลลี่เข้มซักสิบปีก่อน ช่วงนั้นน่ะเค้าเดินทางไปต่างจังหวัดเกือบตลอดปี ผมเองก็เหนื่อยไปด้วย แต่พักหลังนี่ผมว่าเค้าดูแก่ขึ้นะ ไม่ค่อยไปไหนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เค้าก็อยู่ที่ร้านบ้านเราของเขานั่นแหละ คนก็เลยมาหาเขาที่ร้าน เค้าก็เลยไม่ต้องไปไหน ผมก็เลยสบายขึ้นด้วย… 

 

 

บางส่วนจากหนังสือไร้ฟอร์ม ของบิลลี่ โอแกน และ ม.ล.ศักดิ์สิน เกษมสันต์ ซึ่งบิลลี่เขียนถึงตนเองโดยดึงความเป็นบิลลี่ออกจากตัวตนของเขา มองย้อนกลับไปถึงอดีตอันโชติช่วงของบิลลี่เข้ม

 

“ การเป็นศิลปินนักร้องมันก็เป็นอาชีพอย่างหนึ่ง เป็นความถนัดของผม ถ้าในช่วงวัยรุ่นก็เคยเป็นขวัญใจวัยรุ่น โตขึ้นมาก็ยังอยู่ในแวดวงนี้ ยังคงผลิตงานด้านดนตรีก็ยังคงทำอยู่สม่ำเสมอ แต่ว่าผู้ฟังก็อาจจะไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ส่วนใหญ่ก็รุ่นราวคราวเดียวกับผม ประมาณ 30 – 40 ก็ยังมีแฟนๆ ที่เขาคอยติดตามอยู่ แต่มันหมดยุคของศิลปินยอดนิยมมาแล้ว ศิลปินก็คงต้องทำงานต่อไปเรื่อยๆ เพราะถือว่าเป็นงานที่เรารัก ”

 

เส้นทางของบิลลี่ในวงการมายาเรียกได้ว่าเขาคือผลผลิตจากสยามสแควร์ กลายเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จเป็นดาวประดับวงการบันเทิงซึ่งมีความสามารถรอบตัวและมีคุณภาพคนหนึ่ง จากการแจ้งเกิดด้วยมาดพระเอกดีดกีตาร์จีบหญิงใส่แว่นตามกลม ทำเอาวัยรุ่นพ.ศ.2529 เลียนแบบแฟชั่นการแต่งกายพร้อมครวญท่อนหนึ่งของเพลงฝัน วันนั้นที่เคยฝันกันว่าดี วันนี้อาจจะผิดหวังก็ได้ แต่ขอให้เราฝันกันต่อไป วันไหนสักวันความฝันก็คงจะจริง… ซึ่งฮอตฮิตติดชาร์ทความนิยมคู่กับเพลงตัดใจไม่ลง โดยเพ็ญพิสุทธิ์ คงสมุทร นางเอกคู่ขวัญ

 

“ เริ่มจากเป็นนายแบบ ถ่ายโฆษณา เดินแบบ ถ่ายแฟชั่น ต่อมาก็ไปแสดงภาพยนตร์เป็นพระเอกหนังไทยอยู่ยุคหนึ่งเรื่องแรกคือ ซึมน้อยหน่อยกะล่อนมากหน่อย แล้วก็ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงต่อมา แต่ที่ถนัดก็คืองานดนตรี เพราะเป็นคนแต่งเพลงด้วย แต่งเพลงอัลบั้มตัวเองเกือบตลอดในยุดหลังๆ ”

 

บิลลี่ในฐานะนักร้องท่ามกลางความทรงจำของสังคมคือร๊อคเกอร์หนุ่มมาดเข้มสวมแว่นตาดำ นำเสนอผลงานแปลกใหม่ซึ่งเป็นสิ่งที่ศิลปินน้อยคนนักที่จะเป็นได้ทั้งดารานักแสดง และศิลปินนักร้องนักดนตรี รวมไปถึงบทบาทของนักแต่งเพลง

 

“ บิลลี่เข้ม ผมยังไม่เข้าใจเลยว่ามันหมายความว่ายังไง ผมคิดว่าเขาเรียกผม เพราะว่าผมใส่แว่นตาดำมั๊ง อาจจะเป็นนักร้องที่ใส่แว่นดำ มีบุคลิกเข้มดี แต่ที่จริงผมก็เหมือนคนอื่น เป็น idol คนนึงเท่านั้น ”

 

เขาคือบทบันทึกของดาวที่ยังคงจรัสแสงอยู่ในมุมของตน เปล่งประกายระยิบระยับเรื่อยมา เป็นบุคคลสาธารณะในฐานะศิลปินถึง 2 ทศวรรษ แม้วันเวลาจะผ่านไปพร้อมความเปลี่ยนแปลงของสังคม และผู้ชมผู้ฟังก็เติบโตขึ้น แต่ชื่อของบิลลี่ โอแกน ยังคงเป็นบิลลี่ของทุกๆ คน จนถึงวันนี้

 

“ ก็คงพระเป็นเจ้าลิขิตมั้ง…ถ้าโดยตัวผมผมคิดว่าผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทำได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่เรื่องความสำเร็จต่างๆ หรือความสุขมันเป็นสิ่งที่มาจากเบื้องบน หรือแม้แต่แต่งเพลงบางทีไม่ใช่เราแต่ง บางเพลงที่มันดีมากๆ เราจะรู้ว่าพระเป็นเจ้าทำงานผ่านจากตัวเรามากกว่า เรารู้สึกเป็นแบบนั้น

 

“ พูดง่ายๆ ทุ่งหญ้ามันมีดอกไม้ ดอกไม้ก็มีหลายพันธุ์หลายชนิด ผมก็เป็นดอกหนึ่งในทุ่งนั้น มันมีดอกไม้อีกมากมายแต่ละชนิดมันก็มีหน้าที่ของมันเอง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติมันมีเป้าหมายรวมกันอยู่อย่างหนึ่ง เพื่อจะไปให้ถึงจุดหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าจุดไหน แต่มันมีจุดที่ต้องไปถึง ”

 

 

———————————————————

ที่มา : นิตยสาร HI-CLASS

ข้อเขียนนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของนิตยสาร  HI-CLASS  ห้ามนำไปลอกเลียน ทำซ้ำ หรือ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย

 

You may also like...