ศรัทธาที่ลอยอยู่กลางทะเล

ความเชื่อน่าจะเป็นอิสระอย่างหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนพึงมี เรามีสิทธิ์ที่จะเชื่อและไม่เชื่อต่อสิ่งใดก็ได้ในชีวิตแม้ต่อให้เราโดนบังคับให้เชื่อในสิ่งใด เราอาจทำตัวเหมือนเชื่อต่อสิ่งนั้น ทว่าลึงลงไปข้างในเราอาจไม่เชื่อมันก็ได้

ภาพยนตร์เรื่อง Life of Pi สร้างจากนิยายชื่อเดียวกัน ชื่อไทยคือ การเดินทางของพาย พาเทล แต่งโดย ยานน์ มาร์เล นักเขียนชาวแคนาดา ฉบับหนังกำกับโดย  อังลี่ ผู้กำกับมากฝีมือชาวไต้หวัน เดิมที่จะได้ โทบี้ แม็กไกวร์ มาแสดงเป็น ยานน์ มาร์เล แต่ อังลี่ ปลดเขาออกด้วยเหตุผลว่า เขาดังเกินไปจนดูต่างจากนักแสดงคนอื่นๆในเรื่อง

เนื้อหาของหนังเริ่มต้นด้วย ยานน์ มาร์เล(ราล์ฟ สเปล) นักเขียนหนุ่มที่เดินตามหาพล็อตมาเขียนหนังสือ เขาได้รับคำแนะนำจากชายชาวอินเดียให้มาหา พาย พาเทล (อีร์ฟาน ข่าน) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในแคนาดา พาย พาเทล จึงเล่าเรื่องราววัยเด็กให้เขาฟัง

พาย พาเทล เป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็น เขามีปมเรื่องถูกล้อชื่อที่โรงเรียน จึงเปลี่ยนชี้แจงคนทั้งโรงเรียนว่าชื่อของคำคือ พายในหลักคณิตศาสตร์ ต่อมาเขาส่งสัยในเรื่องความเชื่อทางศาสนาและตัดสินใจนับถือถึง 3 ศาสนา ทั้ง ฮินดู คริสต์ และอิสลามเมื่อโตเป็นหนุ่มหลังจาก พาย (สุราจ ชาร์มา)พบรักแรกได้ไม่นาน บ้านของเขาที่เป็นสวนสัตว์ก็ประสบภาวะวิกฤติทางการเงิน

พ่อของพายตัดสินใจนำสัตว์ไปขายที่ทวีปอเมริกาเหนือและพาครอบครัวไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่แคนาดา ยังไม่ทันที่เขาจะคลายความคิดถึงบ้านเกิด เรือขนส่งลำใหญ่ที่บรรทุกคนกับสัตว์จำนวนมากก็เจอพายุถล่มจนจมทะเล

พาย เป็นมนุษย์ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว โดยเขาต้องเอาตัวรอดอยู่กลางทะเลบนเรือกู้ชีพกับ ริชาร์ด พาร์คเกอร์ เสือเบงกอลตัวโตที่พร้อมจะกินเขาทุกเมื่อ

Life of Pi น่าจะเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่สร้างจากหนังสือแล้วถ่ายทอดออกมาได้ดีไม่แพ้ฉบับวรรณกรรม โดยเฉพาะการใส่ใจในรายละเอียดของตัวหนังสือ มีบางตอนที่ถูกตัดไปบ้างแต่ใจความสำคัญยังคงความสมบูรณ์

บทดำเนินได้อย่างลื่นไหลพาเราผจญภัยไปในท้องทะเลกว้างใหญ่ แม้จะรู้ว่าท้ายที่สุด พาย รอดชีวิต แต่หนังก็ทำให้คนดูลุ้นตามไปกับการเอาชีวิตรอดของตัวละคร ภาพสวยงามตระการตาชนิดที่สูสีกับหนังเรื่องอวตาร โดยเฉพาะฉากปลาบิน

การแสดงต้องบอกว่าเป็นวันแมนโชว์ของ สุราจ ชาร์มา ผู้รับบทเป็นพายจริงๆ จุดนี้ต้องให้เครดิต อังลี่ ที่ติวนักแสดงได้อย่างดี ฉากอารมณ์สำนึกผิดของเขาหลังจากฆ่าปลามากิน ฉากที่เขาตัดพ้อโชคชะตา ต่อพระเจ้า ฉากเสียใจที่เห็นสัตว์บนเรือฆ่ากันเอง ฉากร้องไห้คิดถึงคนในครอบครัว ล้วนแล้วแต่ชวนให้คนดูเสียนํ้าตา นอกจากนี้ยังมี ฉากทุบหัวปลากระโทง ฉากร้าวร้าวในการต่อสู้กับเสือ ที่เผยให้เห็นสัญชาติญาณดิบของมนุษย์


ขณะที่ อีร์ฟาน ข่าน ที่แสดงเป็น พาย พาเทล วัยกลางคนก็ดํ่าดิ่งสู่บทชายที่อดีตเคยรอดตายจากกลางทะเลได้ลึกซึ้งคล้ายกับว่าเขาส่งพลังแห่งความอ่อนล้าจากภายในผ่านทางดวงตา เรียกว่าใช้ฝีมือและความเก๋าล้วนๆส่วน ราล์ฟ สเปล ในบท ยานน์ มาร์เล ถึงจะเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์แต่ก็คอยรับส่งบทได้ดี

หนังจบด้วยความอิ่มเอมเต็มเปี่ยมด้วยความหวังและศรัทธา ช่วงท้ายมีเซอร์ไพรส์เล็กน้อย เมื่อคนดูถูกบีบให้เชื่อเรื่องเล่า 1 ใน 2 เรื่องของ พาย และมันก็เปิดกว้างมากพอให้ถกเถียงกันอย่างออกรส เรื่องหนึ่งสดใสแต่เหลือเชื่อ อีกเรื่องหม่นเศร้าทว่าสมจริง แบบไม่มีการชี้นำ ยานน์ มาร์เล เลือกที่จะเชื่อเรื่องแรก ผิดกับเจ้าหน้าที่จากบริษัทเดินเรือชาวญี่ปุ่นที่เลือกจะเชื่อเรื่องที่สอง

กระนั้นมันก็เป็นแค่เรื่องระหว่างทาง เพราะปลายทางที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็คือ จะด้วย ศรัทธา ความเชื่อ ความหวัง มหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ หรือ พระเจ้า ไม่ว่าคุณจะเรียกขานมันว่าอะไรก็ตามแต่ พาย พาเทล รอดชีวิตมาได้เพราะสิ่งนั้น

ติดตามต่อได้ที่ : http://cyberbird.exteen.com/20130205/life-of-pi-5
  

สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)

จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์

You may also like...