Step Up All In ทีมใหม่ คนเก่า ท่าเดิม

หนังเฟรนไชส์แดนซ์กระจายที่กระแสเริ่มตกลงไปเรื่อยๆตามจำนวนภาค แต่ผู้สร้างก็ยังฮึดสู้ ส่ง Step Up All In หรือ Step Up 5 ลงโรงฉายในปี 2014 จนได้ ฟังจากชื่อดูเหมือนทีมงานจะเดิมฟันสูงเทหมดหน้าตัก ทว่าสิ่งที่คนดูได้พบกลับไม่เป็นเช่นนั้นStep Up All In เล่าเรื่องราวต่อจาก Step Up Revolution เมื่อ ฌอน (ไรอัน กุซแมน) ผู้ก่อตั้งทีมเดอะม็อบล้มเหลวในการยึดอาชีพเต้นในเมืองลอสแองเจลีส เพื่อนร่วมทีมของเขายอมแพ้กลับบ้านกันหมด มีเขาคนเดียวที่ไม่หมดหวัง เขาได้รับความช่วยเหลือจาก มูส (อดัม เซวานี่) ฝากให้ทำงานจิปาถะกับ ลุง และ ป้า ของ มูส ซึ่งเปิดคลาสสอนเต้นรำอยู่

ฌอน รู้ข่าวการประกวดเต้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯที่ลาสเวกัส รางวัลของผู้ชนะคือ สัญญางานเต้นโชว์ที่โรงแรมหรูยาว3ปี เขาชวน มูส ตั้งทีมใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง แรกทีเดียว มูส ที่ร้างราจากวงการเต้นไปทำงานออฟฟิศนานก็เกิดความลังเล แต่ต่อมาเขาก็ทำตามเสียงของหัวใจ มูส พา ฌอน ไปพบ แอนดี้ (บริอาน่า เอวิแกน) ซึ่งทั้งคู่ดูจะเข้ากันไม่ค่อยได้ จากนั้นสามนักเต้นก็ตระเวนไปทั่วสหรัฐฯเพื่อรวบรวมสุดยอดขาแดนซ์เพื่อนเก่ามารวมตัวเป็นดรีมทีมในนาม LMNTRX

บทของหนังบางเบากว่าทุกภาค หลายฉายดูไม่ค่อยสมจริง เดินเรื่องตามสูตรสำเร็จ แทบไม่มีส่วนไหนเซอร์ไพรส์คนดู ทริสช์ ซี่ ผู้กำกับพยายามจะฉีกแนวเดิมด้วยการนำอุปกรณ์และฉากใหม่ๆเข้ามาทดแทนท่าเต้นที่เริ่มซํ้าเดิมกับ4ภาคก่อนหน้า แต่มันก็ไม่ค่อยเวิร์คนัก เพราะผู้ชมมาดูหนังเต้นก็หวังจะได้เห็นท่าเต้นเจ๋งๆ แปลกๆ ใหม่ๆ

การนำตัวละครเก่ากลับมาใช้ใหม่มีทั้งได้ผลดีและผลเสีย ผลดีคือ สำหรับแฟนประจำ หรือ คนที่ดูภาคก่อนๆมา จะมีอารมณ์เหมือนได้กลับไปเจอเพื่อนเก่าอีกครั้ง ซึ่งตัวละครหลายตัวยังคงมีเสน่ห์ล้นเหลือ บางตัวมีมากกว่าคู่นักแสดงนำด้วยซํ้า อาทิ มูส เจนนี่ และ โรบอท กาย ผลเสียคือตัวละครบางตัวไม่ได้มีพัฒนาการไปจากเดิมเท่าไหร่ โดยเฉพาะตัวละครหลักอย่าง ฌอน และ แอนดี้ ที่คนดูคาดหวังเอาไว้มาก ทำให้หนังดูเป็นงานเลี้ยงรุ่นสุดกร่อยมากกว่างานรับปริญญาครึกครื้น

ขณะที่เพลงประกอบซึ่งเคยโดดเด่นในภาคก่อนๆ ใน Step Up 5 กลับไม่มีเพลงใหม่ๆ เพราะๆ จังหวะโดนๆให้ผู้ชมได้ออกมาตาหาหลังดูหนังจบ ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่ดังและเราได้ยินคุ้นหูกันอยู่ก่อนแล้วตามผับทั่วไป ฉากสามมิติก็มีน้อย แถมยังดูธรรมดา ไม่โดดเด้ง วูบวาบเหมือนที่ควรจะเป็น ฉากแบทเบิล กับ ไฟน่อลแดนซ์ไม่สร้างความตื่นตาตื่นใจสมราคาชื่อหนังที่บอกว่าจะเทหมดหน้าตัก ปัญหาน่าจะเกิดจากการมีนักแสดงเยอะเกินไป แต่ละคนจึงได้โชว์ความสามารถแบบอย่างละนิดอย่างละหน่อย

ด้านการแสดง ไรอัน กุซแมน ในบท ฌอน จับมือกับ บริอาน่า เอวิแกน ที่เล่นเป็น แอนดี้ ดับสนิท นอกจากเคมีทั่งคู่จะไม่เข้ากันมากๆ ท่าเต้นของสองคนนี้ก็ไม่มีอะไรให้น่าจะจำเท่าไหร่ คนที่ขโมยซีนไปเต็มๆคือ อดัม เซวานี่ หรือ มูส จอมเลื้อยที่ภาคนี้กลับมาพร้อมกับหุ่นที่บึกบึนกว่าเดิมมาก เต้นได้น่าประทับใจเช่นเคย รวมถึงยังมีซีนอารมณืให้แสดงอีกต่างหาก มารี โคดะ ในบท เจนนี่ คิโด นักเต้นสาวร่างเล็กชาวญี่ปุ่นก็ทำได้ไม่เลว เป็นตัวสร้างสีสัน เสียงหัวเราะ ความเป็นเอเชียทำให้คนดูบ้านเราหลงรักเธอได้ไม่ยาก อีกคนคือ แชด สมิธ ที่แสดงเป็น โรบอท กาย นักเต้นท่าหุ่นยนต์ที่ภาคนี้มีคู่จิ้นซะด้วย สุดท้ายไม่พูดถึงไม่ได้คือ อิซาเบลล่า มิโก ในบท อเล็กซ่า พิธีกรสาวสุดเวอร์ ขอปรบมือให้กับความอลังการของชุดกับท่าทางของเธอ

ช่วงท้ายหนังจบแบบห้วนๆ ทิ้งปมเหมือนอยากจะมีภาคต่ออีก ส่วนตัวคิดว่า Step Up เดินมาถึงทางตันแล้ว ตัวละคร นักแสดง ทีมงาน และ ผู้กำกับ น่าจะแยกย้ายกันไปสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากกว่าหาประโยชน์จากความสำเร็จในอดีต

BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์

สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)

จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์

 

You may also like...