Fleet of Time ช่วงเวลาของรักแรก

ผมรู้จัก Fleet of Time ครั้งแรกจากข่าวเล็กๆที่ว่า หนังรักเรื่องนี้ขึ้นอันดับ 1 ในประเทศจีน 2 สัปดาห์ซ้อน เอาชนะ The Crossing Part 1 หนังฟอร์มยักษ์ทุนสูงที่ว่ากันว่าเป็นไททานิคฉบับเมืองจีนของ จอห์น วู ได้แบบเหนือความคาดหมาย แถมยังติด 10 อันดับหนังจีนทำเงินสูงสุดปี 2014 ด้วย หนังสร้างมาจากนิยายขายดีของ จิวเยหุย นักเขียนชาวจีน บอกเล่าเกี่ยวกับความรักของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ ปี1980 จนถึงปี 2000 ผลงานการกำกับของ จางอี้ไป๋ นำแสดงโดย เอ็ดดี้ เผิง นักแสดงหนุ่มหล่อชาวไต้หวัน กับ หนีหนี่ นักแสดงสาวชาวจีน

เรื่องราวการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของก­ลุ่มเพื่อนสนิท5คนระหว่างที่พวกเขาได้ใช้ชีวิ­ตในโรงเรียน มหาวิทยาลัย จนกระทั่งแต่งงาน โดยหนังโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของ เฉินซวิ๋น กับ ฟานหุย สองหนุ่มสาวที่เป็นรักแรกของกันและกัน พวกเขาฝันถึงชีวิตคู่อันเป็นนิรันดร์ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองก็พบว่าหลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยคาดหวัง

Fleet of Time คล้ายกับเป็น You Are the Apple of My Eye (หนังรักวัยรุ่นชื่อดังของไต้หวัน) เวอร์ชั่นจีน เพียงแต่เรื่องนี้มีความหม่นเศร้ากว่า เนื้อหามีความเป็นหนัง Coming of age หรือ การการก้าวพ้นวัยเล็กๆ นำเสนอรักแรกที่เติบโตไปพร้อมอายุตัวละคร บอกเล่าผ่านยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมจีน (1980-2000)

ขณะเดียวกันหนังก็มีความ Nostalgia (การโหยหาอดีต) พอสมควร มีการนำวัฒนธรรมป็อปในยุคนั้นอย่างหนังสือการ์ตูนและเพลงญี่ปุ่นมาล้อเลียน เป็นช่วงเวลาที่นักเรียนชายอ่านสแลมดั้ง เล่นบาส ส่วนนักเรียนหญิงก็จะคอยเอาเครื่องดื่มไปให้ หรือส่งข้อความผ่านเพจเจอร์หาหนุ่มที่แอบชอบ ครึ่งแรกจึงตลบอบอวลไปด้วยเรื่องราวป็อปปี้เลิฟใสๆราวกับฤดูใบไม้ผลิ กระนั้นตั้งแต่ช่วงกลางถึงท้าย หนังพลิกกลับมาเล่าถึงความรักที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เกิดการ โกหก นอกใจ หึงหวง ผิดนัด ไม่รักษาสัญญา โทนเรื่องค่อนข้างจริงจัง ตรึงเครียด เนื้อหาหนักเอาการ

มีการไทร์อินแฝงโฆษณาบ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์จีนแท้ๆจึงไม่ทำให้คนดูรู้สึกรำคาญเท่าไหร่ ประเด็นการเปลี่ยนผ่านและเติบโตของสังคมจีนก็น่าสนใจ มีการพูดถึงการได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก ฉากที่ตัวละครนั่งดูบอลโลกคู่บราซิล-จีน (แอบแขวะฟุตบอลชายจีนเบาๆ) รวมถึงฉายภาพสังคมคนรุ่นใหม่ของจีนที่อู้ฟู่หรูหรา อาตี๋อาหมายเมื่อ 20 ปีก่อนทุกวันนี้กลายเป็นเจ้าของกิจการ นักธุรกิจ เศรษฐี ในงานแต่งต้องส่งการ์ดเชิญไปให้เพื่อนๆจากหลายประเทศทั่วโลกให้บินกลับมาบ้านเกิด

ถ้าจะพูดถึงความสมจริง เอ็ดดี้ เผิง หน้าทันสมัยเกินไปหน่อย ไม่ได้ดูเด่นเฉพาะในกลุ่มเพื่อน แต่เด่นอยู่คนเดียวในเรื่อง ผิดกับ หนีหนี่ ที่ดูมีความเป็นจีนแท้ๆ แต่ในแง่การแสดงทั้งคู่ถือว่าสอบผ่าน เอ็ดดี้ มีเสน่ห์มัดใจสาวที่ล้นออกมานอกจอ ขณะที่ หนีหนี่ ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยแบบพิมพ์นิยมเอเชีย (ส่วนตัวคิดว่าเพื่อนผู้หญิงอีกคนในกลุ่มสวยและน่าแย่งชิงกว่าอีก) กระนั้นเธอก็ดูดีมีสไตล์เฉพาะตัว แถมยังแสดงซีนดราม่าได้น่าประทับใจมากๆ

สำหรับบางคน รักแรกอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นนิรันดร์ แต่ช่วงเวลาของมันต่างหากที่ยาวนานติดตรึงอยู่ในใจของเราทุกคนตลอดมา ไม่ว่ามันจะเป็นช่วงเวลา สุขมากๆ หรือ เศร้าสุดๆ ก็ยากจะลืมไปจากความทรงจำทั้งนั้น

BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์

 สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)

จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์

 

 

 

 

You may also like...