ศาสตราจารย์ ดร.สุนทร บุญญาธิการ เมืองหลวงในช่วงโคม่า

อาจกล่าวได้ว่า เมืองคือศูนย์กลางการบริโภคแหล่งใหญ่ที่สุดในการ ‘ สูบ ‘ ทรัพยากรธรรมชาติทั่วประเทศ เพื่อปรนเปรอความฟุ่มเฟือย แสงสี และวิถีชีวิตที่ไม่รู้จบสิ้นเพราะไม่รู้จักคำว่าพอ

 

 

และแล้วมนุษย์ก็ต้องยอมสยบต่ออำนาจของธรรมชาติ ภายหลังจากใช้ชีวิตเป็นคนเมืองขลุกกับเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกตนเอง กระทั่งบั่นทอนชีวิตและเงินตราหลายรายอาการหนักยากต่อการเยียวยา จนต้องหันกลับมามองที่สาเหตุและหาวิธีแบ่งเบา รวมถึงเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างโยการนำเทคโนโลยีเข้าช่วย

 

“ กรุงเทพฯ ถ้าพูดถึงในเรื่องของคนป่วยก็เรียกว่าโคม่า ไม่ตายหรอก แต่เป็นโคม่าระยะยาว เป็นโคม่าแบบยั่งยืน อาจจะใช้ศัพท์รุนแรง แต่มันเป็นโคม่าแบบยั่งยืน ถึงโคม่าแบบยั่งยืนก็แก้ปัญหาไปเรื่อย แก้มันไม่มีทางรู้จบ ”

 

ศาสตราจารย์ ดร.สุนทร บุญญาธิการ จากภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงวิชาการประหยัดพลังงาน กับผลงานการวิจัยที่ได้รับการยอมรับทั้งในเมืองไทยและระดับนานาชาติ ชี้ถึงอาการอันน่าเป็นห่วงของป่าคอนกรีตผืนใหญ่ของเมืองไทย

 

“ ถ้าเราทำตึกสูงเหมือนดอกไม้แสนสวยอยู่กลางกรุง มันก็สุดยอดเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่เราไม่คิดอย่างนั้น เพราะนายทุนคิดว่าจะได้กำไรสูงสุดเท่าไร ทำไมไม่ใส่ความงาม ความสวย ความอะไรเข้าไป ตึกสูงก็ทำเป็นอาคารที่สวยงามได้ ใครๆ มาก็ต้องมาชื่นชมความงามของตึกสูง ทำได้แต่เราต้องคิดหนักหน่อย ยิ่งตึกสูงยิ่งออกแบบยาก คำตอบก็คือทำได้หมดครับ เพียงแต่บางทีเราต้องยอมถามตัวเองว่า เราให้นายทุน … เราหรือเปล่า ทำยังไงอาคารถึงจะเย็น ทำยังไงอาคารถึงจะประหยัดพลังงานเราอาจจะไม่รู้จริงๆ เลยก็ได้ ความจริงก็คือเราไม่รู้ แต่ผมพูดคำนี้ไม่ได้ ”

 

ศูนย์กลางการทำมาหากินของคนจำนวน 10 ล้านคนแห่งนี้ยังมีความสามารถติดอันดับต้นๆ ของโลกกับชาติอื่นเหมือนกัน

 

“ ผมไม่รู้ว่าอันดับไหนของโลกแต่เราไม่ด้อยกว่าใครในโลก เรื่องของการใช้พลังงาน พูดกันตรงๆ ในเรื่องการใช้พลังงานต่อคน เราไม่ด้อยกว่าใครในทางลบเลยนะครับเราเผาผลาญพลังงานได้ยอดเยี่ยมพอสมควร ผมไม่มีตัวเลข แต่คิดว่าเราไม่ด้อยกว่าใคร นี่คือเมืองที่ใช้พลังงานได้เลวรายที่สุดเมืองหนึ่งของโลก เมืองที่หาได้แย่กว่ากรุงเทพมหานคร คงหาไม่ยากหรอกครับ กล้าพูดอย่างนี้เพราะว่า ถ้าพูดถึงพลังงานในภาพรวมมันมีอยู่ 2-3 ตัวเท่านั้นของเมือง อันที่ใช้พลังงานเยอะที่สุดคือ พลังงานจากการคมนาคม ”

 

“ เมื่อกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่รถติดที่สุดในโลกนั้น ศักยภาพในการผลาญพลังงานจากรถติดมันสูญเสียมหาศาลมากๆ โดยเฉพาะประเทศไทยพลังงานที่ให้กับการคมนาคม ถ้าผมจำตัวเลขไม่ผิดประมาณเฉียด 50% ขณะที่รถติดมันก็พ่นความร้อนออกมา แสดงว่าเอาน้ำมันมาเผาผลาญแล้วก็ใส่ความร้อนเข้าไปในเมืองกรุงเทพ ฯ พอสภาพแวดล้อมร้อนดีแล้ว เราก็ใสตึกที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเข้าไป เพราะเป็นตึกเมืองหนาวที่ข้างในร้อนอยู่แล้ว “

 

ในส่วนของความแออัดกับที่ดินราคาสูงลิ่วของเมือง หากเราเปลี่ยนจากสลัมให้เป็นเคหสถานรูปแบบอาคารสูง เปลี่ยนจากแออัดในแนวราบมาเป็นแนวดิ่ง ความน่าจะเป็นค่อนไปในทิศทางที่อาจจะดีหรือแย่ยิ่งกว่าเดิม

 

“ เลวกว่าเดิมเยอะ สลัมที่อยู่อย่างคลองเตยเขามีความสุขมากนะ เย็นสบาย แต่สิ่งที่เราสร้างสรรค์ให้เขา บางทีเข้าไปอยู่ข้างในไม่ได้เลย ผมเคยเข้าไปนอนกลางคืนร้อนมากเลย 1 ทุ่ม ร้อนมากเลย แต่พอตี 3 ตี 4 เริ่มเย็นลง มันโหดร้ายมาก คุณภาพชีวิตมันไม่ได้ดีเลย สู้ในสลัมไม่ได้ เพียงแต่เรารับสภาพแวดล้อมเขาไม่ได้ ถ้ามีการบริหารจัดการอย่างดีของสลัม ผมว่าก็น่าสนใจ ผมไม่คิดว่าสิ่งที่ solution ที่เราให้กับคนจน เป็น solution ที่น่าจะดีกว่านั้นมาก ”

 

“ คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก มันเป็นคำพังเพยโบราณ บางทีคับที่มันอยู่ได้ แต่ถ้าหากว่าคุณภาพชีวิตมันเลวร้ายมากๆ อยู่ไปนานๆ มันก็กินตัวเอง หมายถึงมันก็สึกกร่อน แต่จริงๆ แล้วการที่เราคับใจ มันเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม เกี่ยวกับสภาพการเงิน เกี่ยวกับสิ่งที่เราอยู่ด้วย สิ่งที่เรามีอยู่ ตัวนี้จริงๆ แล้วเป็นการแก้ปัญหาสังคม ”

 

“ ในสายตาผมเราสามารถจะสร้างสรรค์สิ่งที่เรียกว่าบ้านได้ง่ายมาก ถ้าเราเข้าใจเกี่ยวกับภูมิอากาศเมืองร้อนชื้นอย่างถูกต้อง ใช้สิ่งที่ถูกต้องมาทำ แล้วตระหนักว่าสิ่งที่ถูกต้องมีอะไรพิสูจน์ได้ในราคาที่ไม่ได้แพงเลย แต่เราจะต้องไม่หลงใหลอยู่กับความเชื่อที่เราคิดว่าถูกต้อง ตัวนี้สามารถทำได้ แล้วมันจะแก้ปัญหาคับที่คับใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราคาถูกด้วย บ้านประหยัดพลังงานที่ดีคือบ้านที่ ใช้ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าในการใช้พลังงานน้อยกว่าบ้านธรรมดามากๆ ไม่ใช่ 5 % 10% ผมหมายถึงเกินครึ่ง ในสายตาผม โดยที่คุณภาพชีวิตไม่เปลี่ยน ”

 

“ การประหยัดพลังงานนี้ ไม่ใช่ประหยัดพลังงานเสร็จแล้ว ไม่เปิดไฟ ไม่เปิดแอร์ ร้อนๆ หนาวๆ ชื้นๆ แห้งๆ ทรมานชีวิต เอาคนมาทรมานด้วยการประหยัดพลังงาน อย่างนี้ไม่ใช้ การประหยัดพลังงานที่ผมพูดถึง หมายถึงคุณภาพชีวิตเปลี่ยน ล้น เทียบเท่าที่สมมติสามารถจินตนาการได้ แต่ใช้พลังงาน ถ้าตัวเลขผมคง อย่างน้อยครึ่งนึง คือเราใช้ 50 แต่คุณภาพชีวิตเราไม่เปลี่ยน ถึงจะเรียกการประหยัด

 

“ ฉะนั้นอย่างบางคน ไม่ได้เปิดไฟเพราะถือว่าประหยัดพลังงาน นั่นถือว่าผิด ไม่ได้เปิดแอร์ เพราะถือว่าประหยัดพลังงาน อย่างนั้นก็ไม่ใช่ การประหยัดพลังงานที่ดี คุณภาพชีวิตต้องไม่ด้อยลงกว่าความมุ่งหวังของคนทั่วไป ฉะนั้นหลายหลังเพียงแต่เอาหลอดไฟไปติด เป็นไฟชั้นดีหน่อย ประหยัดได้ซัก 1% เรียกบ้านประหยัดพลังงาน บางคนเอาอิฐมวลเบาไปใส่ก็เรียกบ้านประหยัดพลังงาน ในสายตาผมไม่ใช่ มันไปไกลกว่านั้น ”

You may also like...