จักราวุธ แสวงผล … แมวเก้าชีวิตของเทพเจ้าแห่งเสียงดนตรี

แม้ว่าคุณจะไม่ใช่นักฟังเพลงตัวยง แต่หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยตลอดช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา คงมีหลายครั้งที่บทเพลงซึ่งแต่งโดยนักแต่งเพลงแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง จักราวุธ แสวงผล ผู้ได้รับพรจากเทพเจ้าแห่งเสียงดนตรีให้สร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ประสบความสำเร็จในฐานะเพลงดัง ที่อีกมิติหนึ่งหมายถึงความสำเร็จเชิงธุรกิจมูลค่ามหาศาลให้กับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่และศิลปินดังมาแล้วนับไม่ถ้วน ผ่านโสตประสาทเข้ามาขับกล่อมบรรยากาศรอบตัวคุณอยู่เนืองๆ ทั้งทางสื่อดั้งเดิมอย่างวิทยุ โทรทัศน์ หรือกิจกรรมบันเทิงอย่างคอนเสิร์ต งานปาร์ตี้ เรื่อยไปจนถึงสื่อร่วมสมัยอย่างสื่อออนไลน์ ที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็น นิวมีเดียอีกต่อไป เพราะมีสิ่งใหม่กว่าเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะเป็นสื่อดิจิตอลหลากแพลตฟอร์ม หรือโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้วัฒนธรรมการฟังเพลงทั่วโลกเปลี่ยนไป จนมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อธุรกิจดนตรีในปัจจุบัน ซึ่งยังไม่มีใครทำนายได้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว อนาคตของวงการเพลงและผู้คนหลากวิชาชีพที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้จะพลิกผันไปอย่างไร แต่ไม่ว่ารูปแบบการผลิตและช่องทางการบริโภคดนตรีแต่ละยุคจะเปลี่ยนไปแบบไหน สิ่งหนึ่งที่จะยังคงอยู่คู่โลกไปอีกนานแสนนานคือเสียงเพลง การสร้างสรรค์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ตราบเท่าที่สัมผัสด้านการฟังจะยังคงอยู่กับมนุษย์ นั่นหมายถึงอาชีพนักแต่งเพลงก็จะไม่มีวันหายไปจากโลกนี้ ต่อให้สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงจะรุนแรงและโหดร้ายสักเพียงใด

ซึ่งการก้าวเดินอย่างมุ่งมั่นบนถนนสายดนตรีกว่าสองทศวรรษของนักแต่งเพลงชื่อ จักราวุธ แสวงผล ผู้ข้ามผ่าน ‘ยุคทอง’ มาสู่ยุคที่ธุรกิจเพลงต้องต่อสู้อย่างสุดชีวิต ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า คนที่จะอยู่รอดได้ในทุกกระแสความเปลี่ยนแปลงคือ ‘ตัวจริง’ ที่ไม่ใช่แค่เก่งหรือมีพรสวรรค์ แต่หมายถึงคนที่พร้อมปรับตัวให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เป็นจริงตลอดเวลา

ArtBangkok.com รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จ ทัศนะ และมุมมองที่มีประโยชน์ ของ  จักราวุธ แสวงผล หนึ่งในหมุดหมายแห่งวงการดนตรีร่วมสมัยของประเทศไทย ให้คนรักเสียงเพลงได้สัมผัสตัวตนในแง่มุมน่าทึ่งเบื้องหลังบทเพลงฮิตมากมายจากการสร้างสรรค์ของเขา ที่ยังคงยืนหยัดยาวนานประดุจแมวเก้าชีวิต จากยุคเริ่มต้น ยุคทอง มาสู่ยุคสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ยังไม่มีใครกล้าตั้งชื่อว่า…ยุคอะไร

 

ชีวิตวัยเด็กและครอบครัวที่หล่อหลอมให้กลายมาเป็นนักแต่งเพลงอาชีพชื่อ จักราวุธ แสวงผล ในวันนี้ เป็นอย่างไร

พี่เกิดมาในครอบครัวที่พ่อเป็นทหาร ครอบครัวพี่มีลูกชายสองคน พี่ชายคนโตเสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุรถยนต์  วัยเด็กของเราโตมาในค่ายทหาร และวันหนึ่ง…พ่อก็จากไปในสงคราม แม่ก็เลยอยากให้ลูกเป็นหมอ ไม่อยากให้ใครเป็นทหาร

โตขึ้นมาเราเริ่มชอบดนตรี เริ่มชอบศิลปะชอบวาดรูป ทุกครั้งที่ใครถามว่า…อยากเป็นอะไร ด้วยความที่พี่เป็นทั้งลูกแหง่ เป็นทั้งเนิร์ดด้วย เราก็จะบอกใครๆเสมอว่า แม่อยากให้เป็นหมอ แต่ไม่เคยบอกใครว่าเราเองอยากเป็นหมอ พอดูคะแนนสอบแล้ว โห ดีแต่พูดเท่านั้นแหละว่าอยากเป็นหมอน่ะ เราไม่ได้รู้สึกอยากจริงๆเลย แค่แม่อยากให้เป็น

รู้สึกว่าชอบออกแบบ วาดรูป ศิลปะ ชอบดนตรี อยากไปฝั่งไหน ก็เลือกทางที่จะไปเป็นสถาปนิกได้ แต่อาจารย์คนหนึ่งก็บอกว่าถ้าคุณเลือกสอบเข้าครุอาร์ทน่าจะได้ชัวร์ เราเลยเข้าครุอาร์ทอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่ตอนนั้นคะแนนน่าจะเข้าคณะออกแบบอุตสาหกรรม (ID) สถาปัตย์จุฬาได้ เลยเรียนครุอาร์ทอยู่ปีนึง เพื่อที่จะอ่านหนังสือสอบเข้าสถาปัตย์ตั้งแต่วันแรกที่เรียนครุอาร์ท เพราะเรารู้แล้วว่าที่นี่เราไม่เหมาะกับตัวเอง ทั้งที่เราก็ตั้งใจเรียนไปไม่มีโดดซักวิชา และเพื่อนๆก็น่ารัก ได้เกรดดีด้วย แล้วท้ายที่สุดก็ไปสอบใหม่เข้า ID จุฬา จนได้ แต่พอเข้าไปได้…เกรดก็ร่วงเลยเพราะมีความสุขอย่างมาก เริ่มทำกิจกรรม เพลงละคร ทำดนตรี แล้วตอนปีสี่ขึ้นปีห้าพี่ดี้ชวนไปเรียนเขียนเนื้อเพลง เพราะเห็นเราแต่งเพลงคุณยายตายสนิท ในเรื่องบางกอกศอกกลับ เลยไปเรียนกับพี่ดี้…และเข้าแกรมมี่เมื่อเรียนจบ

 

ศิลปะการแต่งเพลงเป็นสิ่งที่สามารถสอนหรือเรียนกันได้ด้วยหรือ

พี่ว่าทุกอย่างมันเรียนได้นะ พี่ไปเรียนเป็นดีเจถูแผ่น…ก็เรียนได้ ส่วนการแต่งเพลงก็สอนได้ เพราะหลักการคือถ้าดนตรีหรือตัวโน้ตมีโครงสร้างเป็นยังไง แล้วคำร้องก็จะเป็นอย่างนั้น สิ่งที่เขาสอนไม่มีอะไรมากเกินไปกว่าเรื่องของคอนเซ็ปต์ วิธีการพูด ภาษาที่ใช้ คาแรกเตอร์ของนักร้อง คาแรกเตอร์ของดนตรี ซึ่งคาแรกเตอร์ของดนตรีเป็นศาตร์ เพราะฉะนั้นโครงสร้างของดนตรีเป็นวิทยาศาตร์ ไม่มีใครลบล้างกฏของดนตรีเลยซักคนเดียว  ทุกคนหันหน้าไปแต่งเพลง ไม่มีใครค้านว่า…เฮ้ย ไม่จริงโน๊ตไม่จำเป็นต้องเจ็ดตัว แล้วมีดนตรีห้าตัว ไม่จำเป็น เพราะว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับ เหมือนการยอมรับว่า พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออกแล้วตกทางตะวันตก ดนตรีจึงเป็นศาตร์ที่แข็งแรงมาก

เวลาเราแต่งเพลงมันจะขึ้นต้นด้วยโน้ตที่เป็นคำถามหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ มันมีวิธีการแต่งของมัน ดังนั้นเมื่อโครงสร้างนี้เป็นวิทยาศาสตร์แล้ว เราสามารถทำให้เนื้อร้อง…สิ่งประดับนี้เป็นวิทยาศาตร์ไปด้วย  ซึ่งทั้งสองอย่างมันแปลกคือมันเป็นเรื่องของความรู้สึก มันเป็นความรู้สึกทั้งคู่แล้วแนบกันได้ มันทำให้มันมีเหตุผลได้ เพราะฉะนั้นวิชาการแต่งเพลงจึงสามารถเขียนเป็นหลักสูตรและร่างขึ้นมาเป็นขั้นตอนได้ มีกระดาษแผ่นเดียว

พี่ดี้บอกมันมีกฏห้าข้อในการแต่งเพลง ซึ่งไม่ได้เป็นความลับที่หวงห้ามอะไรเลย บอกได้สบายมาก มันง่ายมาก แค่บอกทุกคนก็อ๋อ คือ นักร้องเป็นใคร ภาษาที่เราใช้ คอนเซ็ปต์ที่เราเลือก กิมมิคของมันที่น่าสนใจ นี่พูดถึงในกรณีที่มีเมโลดี้ขึ้นมาแล้วนะ ยกตัวอย่างเพลงสมัยเก๋ากึ๊ก อย่างเพลง กลับดึก ของใหม่ เจริญปุระ นั้นเป็นฮุกของเพลง เพลงนี้มีสิ่งที่น่าสนใจแล้ว และก็มีความลงตัว จึงพูดได้ว่าโครงสร้างหรือสูตรสำเร็จของเพลงที่ดังๆของโลก มันไม่พ้นองค์ประกอบหรือกฎเหล่านี้หรอก มันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ มันเลยสอนกันได้ พี่ไปเรียนปีนึงแล้วจบมาเข้าทำงานกับแกรมมี่

รวมจำนวนเพลงที่แต่งตั้งแต่ปี 2532  มาจนถึงตอนที่ออกจากแกรมมี่ 5-6 ปีที่แล้ว พี่มีเพลงอยู่ที่แกรมมี่ 295 เพลง โดยจำนวนนี้ไม่ได้นับเพลงที่ไม่เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้นับเพลงไม่เกี่ยวกับการขาย ไม่นับเพลงโฆษณา ซึ่งนับไม่ถ้วนเลย หลังจากนั้นออกมาทำสหภาพดนตรี แต่งเพลงที่นั่นประมาณ 40-50 เพลง ตอนนี้ก็ออกมาเป็นฟรีแลนซ์ ยังคงทำงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับเพลง

 

ในช่วงชีวิตที่มีฐานะเป็นนักแต่งเพลงซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท ในยุคนั้นบริษัทมีความมั่นใจในตัวเราขนาดไหนจนถึงขั้นจ้างให้มาเป็นคนแต่งเพลงประจำ ทำไมเขาไม่เลือกซื้อเอาเฉพาะเพลงที่ดี หรือเพลงที่ขายได้

ในเมืองนอกมันเป็นระบบ Publisher ค่ายเพลงจะเลือกช็อปเอาจากเพลงที่มีคนแต่งขาย จึงมีกรณีที่ว่านักแต่งเพลงของไทยสามารถขายเพลงให้ บียอนเซ่ หรือ เทรซี่ แช็ปแมน ได้ และอาจจะมีระบบรู้จักกันส่วนตัวด้วย แต่ระบบของแกรมมี่ถือเป็นการลงทุนที่ฉลาด คือผลงานทุกอย่างเป็นของบริษัทหมดเลย ไม่ต้องขออนุญาตเวลาที่จะเอาเพลงของใครในบริษัทมาทำ ไม่ว่าจะทำคาราโอเกะกี่ครั้งก็ไม่ต้องขออนุญาต เพราะผลงานทั้งหมดจะถือลิขสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่งระหว่างนักแต่งเพลงกับบริษัท โดยที่ครึ่งของนักแต่งเพลงดูเหมือนไม่มีบทบาทอะไรสำหรับพี่นะ คนอื่นบอกเราจะเอาไปทำอะไรมันยากเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันบริษัทก็ดูแลผลประโยชน์ให้เราตลอดไป โดยมีระบบเหมือนเมืองนอกเลย เช่น ระยะเวลาที่ทายาทจะสามารถถือลิขสิทธิ์ได้หลังเจ้าของสิทธิ์ตาย เมื่อก่อนบอกว่าเป็นระยะเวลาห้าสิบปี อะไรพวกนี้ก็เป็นระบบทำนองเดียวกัน

 

ในยุคที่จบสถาปัตย์ใหม่ๆแล้วเลือกมาทำงานเป็นนักแต่งเพลงอาชีพแทนที่จะเป็นนักออกแบบ ถือเป็นงานที่มั่นคงไหม  ครอบครัวรู้สึกอย่างไรกับอาชีพนี้ ระหว่างสถาปนิกจบใหม่กับนักแต่งเพลงหน้าใหม่ อะไรรายได้ดีกว่ากัน

ตอนที่แกรมมี่รับเราทำงานดีใจสุดชีวิต แม่ไม่เคยด่า ไม่เคยว่า แม่ให้เรียนไปเลย จบมาจะทำอะไรก็เรื่องของเธอไม่เป็นไร เงินเดือนแกรมมี่ปีแรก 8,000 บาท น้อยกว่าคนจบสถาปัตย์ แต่ระยะต่อมารายได้โตแบบก้าวกระโดด เพราะอยู่ในยุคทองของวงการดนตรี รายได้ก็เลยจะแซงหน้านักออกแบบไประยะนึง จนมาถึงยุค 90 ไม่แน่ใจ ชุดนิโคลเป็นชุดหลังสุดเมื่อฟองสบู่แตก เราจะมีเวลาหลังจากนั้นเก็บเกี่ยวอีกซักประมาณปีสองปี อยู่ในช่วงสองปีแล้วเรารู้สึกว่าการที่แกรมมี่และพี่เต๋อตั้งกฏแบบนี้ขึ้นมา มันเก็บผลพลอยได้ให้เราด้วย ให้เขาด้วย มันเป็นเรื่องที่ win-win กันอยู่พอสมควร มันทำให้สายป่านยาว คนทำงานแกรมมี่ในยุคนั้น ที่เป็นนักแต่งเพลงจะอยู่นานๆ

 

นักแต่งเพลงแกรมมี่ในยุคแรกๆเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นบริษัทด้วยไหม

พี่บูลย์ (คุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม) ให้หุ้นมา เราได้เงินส่วนแบ่งของหุ้นนั้นซื้อขนมได้หลายแสนห่อเลย และในบางครั้งเราจำเป็นที่จะต้องขายไปเพื่อประทัง แต่มันเหมือนเป็นสิ่งที่เรารักกัน ที่เขาให้นี่คือโคตรใจดีเลย โคตรรักเราเลยเหมือนเป็นส่วนหนึ่ง

 

KPI ของบริษัทเพลงที่ใช้พิจารณาว่านักแต่งเพลงแต่ละคนใช้ได้ในระดับไหนหรือใช้ไม่ได้คืออะไร

ยุคนั้น…ถ้าเราแต่งได้เดือนละเพลงหรือสองเพลงก็เอาแล้ว ตอนนั้นมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เรายังใหม่ เราไม่เคยรู้สึกเหนื่อยกับมัน มาประชุมก็อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ก็ไปแต่ง แล้วสนุกฉิบหาย เพราะทำงานบ่ายสองที่ทำงานก็ผ่อนคลายได้ นั่งกินเบียร์ตั้งแต่บ่ายสอง ตกเย็นพี่บูลย์ก็มาชวนว่าจะไปกินข้าวที่ไหน แล้วพวกเราก็แห่ไปกินข้าวกัน เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร

ในยุคทอง วันนี้อยากกินอะไรก็ไปกิน แม้กระทั่งส้มตำหลังสวน มันสนุกในบรรยากาศ จนกระทั่งเราไม่ได้นึกถึงรายได้ ซึ่งมันเพิ่มขึ้นให้เราสบายมาก ตอนแรกๆเอาเงินให้แม่หมดเลย จากนั้นก็คิดว่า…ไม่ต้องแล้วเดี๋ยวดูแลเองดีกว่า มันไม่ลำบาก ยุคทองด้วย บางเดือนพี่ก็แต่งได้ 4 เพลง KPI ทั้งทีมมันก็มีคนถนัดเพลงบางอย่าง พี่ถนัดเพลงเร็วบางคนถนัดเพลงช้า บางคนถนัดเพลงพิเศษซึ่งมันมีไม่มาก ก็ทำได้ไม่มาก แต่ผลประกอบการรวมของทีมมันพาทุกอย่างฝ่าไปเหมือนเรือเจาะน้ำแข็งมันทำลายทุกภูเขาน้ำแข็งแบบราบคาบหมดเลย

ในสมัยนั้นเวลาที่ยอดขายยังไม่ล้านเราไม่คุย บางชุดขายถึงสามล้านตลับ ไม่นับแผ่นเสียง บางชุดสองล้าน ชุดที่ได้เจ็ดแสนไม่คุยกันสอบตก ทุกวันนี้ยอดขายพวกนี้ไม่มี เป็นแบบ Physical ไว้ประดับว่าขายตรงนั้น แต่เมื่อก่อนไว้ว่ากันตรงส่วนแบ่งที่ได้มาแต่ละเดือนอย่างพี่ พี่เข้าใหม่ เข้ามาปี 2532 ทำงานประมาณ 4 ปี ถึงจะได้ส่วนแบ่ง จากชุด ‘ร้อยแปดพันเก้า’  ของ เจ เจตริน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเราเป็นผู้ถูกว่าจ้างที่ผ่านขั้นตอนแล้ว เราไม่รู้สึกว่าเขาเป็นนายจ้างเรา เขาเป็นพี่เรา พี่ถูกสปอยล์ด้วยแกรมมี่ในยุคนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ พี่ไม่เคยโดนดุเลย ยกเว้นมาสาย ก็จะมีคนที่ดุเราในเรื่องกฎระเบียบมีแต่ไม่มาก

 

กฏระเบียบของอาชีพนักแต่งเพลงคืออะไร

มาให้ตรงเวลา บ่ายสองมาเลทไปห้านาทีปรับ 100 บาท พี่บูลย์บอกว่าใช้วิธีนี้ไม่ดีนะ ถ้ามาไม่ตรงเวลาพวกนี้ก็มีจ่าย พอมีจ่ายก็ว่าไม่ได้ มันโคตรใช่เลย มีวิสัยทัศน์แบบนี้ เรื่องเล็กๆน้อยๆ พี่ชัดเจนมาก แล้วคุยเล่นสนุกสนานกันแบบเป็นเพื่อนรุ่นพี่ มันก็เลยสนุก พี่โดนสปอยล์ ชีวิตตอนนั้นน่าอิจฉามาก ไม่ได้ทำอะไร ว่ายน้ำ วิ่งจนหลังพัง แข็งแรง ไปดำน้ำ อยู่บ้าน ใช้เวลา Educate ไปกับสิ่งนี้เลย พี่ไม่ได้คุย แต่เวลาเราทำงาน หน้าแรกเพลงดัง หน้าสองเพลงหนึ่งหน้าเอของอัลบั้มชุดนี้ คือเราคิดออก รู้เลยว่าเขียนเพลง ‘กลับดึก’ เขียน ‘รูปหล่อกล้ามใหญ่’ เต็มกระดาน ก็มีเสียงแซวจากพี่เอกพี่ดี้ว่าอะไรของมันวะ รูปหล่อกล้ามใหญ่ พอเพลงขึ้นเท่านั้น…เออจริงของมัน คำนี้เท่านั้น เขาก็เป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่ง เขาก็ยังบอกได้ว่าแต่งให้ฉัน พี่ก็จับแพะชนแกะ เห็นพัดลมเวลาทำงานส่ายหน้าไป บ้านพี่เปิดพัดลม พี่ก็นั่งทำนั่งดูพัดลม หลายทีแล้วไม่เคยพยักหน้าส่ายหน้าให้ตลอด พอน้องพลับมาเท่านั้นแหละ ‘ใครๆก็ไม่รักผมขนาดพัดลมยังส่ายหน้าเลย’

ทุกเพลงมันมีเหตุมีผล เราไม่ได้ครีเอทีฟไปบนอะไรก็ไม่รู้ เราไม่ได้ไปแบบเลื่อนลอย แล้วทุกคนก็…เออ จริงของมัน คำว่าจริงของมัน เป็นเหมือนคำชมสำหรับพี่ เพลงครีเอทีฟจะเป็นอย่างนี้ หรือจะเป็นเพลงร็อค สหัสวรรษ แบบยูเรเนียม วงฟลายก็บอก ปี 2000 แล้วก็ไม่เท่าไหร่ ปี 2000 แล้วก็เหมือนเดิม ก็ยังเป็นฉันคนเดิม มันก็ใช้คำนี้มาวางไว้ก็พอดี

มีสิ่งหนึ่งเป็นกฏข้อสุดท้ายของดนตรี ที่บอกว่าทำยังไงก็ได้ ให้มันฟังแล้วดี ทำงานมาระยะนึงเราก็ลืมกฏพวกนั้นไปแล้ว คงเหมือนพวกสถาปนิกเหมือนกันที่เขาว่าองค์ประกอบ เส้นนอน เส้นตั้ง เส้นฮาร์โมนี เขาไม่ได้นึกถึงแล้ว เขาเห็นภาพแล้ว บางทีลูกค้าบอกเรื่องบ้าน เห็นภาพแปลนมาแล้ว เราก็ทำไป แต่ทั้งหมดนี้ไม่เคยมีเพลงไหนที่ไม่ใช้ความรู้สึกและไม่ใช้ความสนุกสนาน

มีเพลงนึงของ คริสติน่า อากีลาร์ ที่ลำบากที่สุด แต่งแล้วไปส่งยังไงก็ไม่ผ่าน จำไม่ได้ว่าเพลงอะไร ในที่สุดเขาก็ยกเลิกทำนองนั้นไป พี่แต่งอยู่สิบหน้ากระดาษ หนังสือสมุดทำงานเล่มที่ 46 พี่กรีดออกสิบแผ่นแล้วไปเผาไฟเลย อันนี้กูแพ้ แพ้จริงๆ มันเหนื่อยจนกระทั่งปากนกกระจอกขึ้น สู้ไม่ได้และไม่เข้าใจ มันมีเรื่องใหม่ตลอด

งานแต่งเพลงเป็นงานที่พี่ชอบ เพราะเราได้เป็นคนอื่นตลอดเวลา เราไม่ได้เป็นเรานะ คนเขียนเนื้อเพลงคือนักแสดงที่มาเล่าเรื่องราวของคนๆนั้น ไปสวมวิญญาณของคนๆนั้น เช่นของเด็กอายุเก้าขวบ ของผู้หญิงเซ็กซี่จำนวนสามคน เกริ์ลกรุ๊ป คนวงร็อค แล้วเราก็บรรยายมันออกมา พี่เคยแต่งเพลงที่พูดถึงอันธพาล พี่ไปเปิดดูคลิปเนวัดดาว ไปดูพวกแอลโอรส เปิดยูทูป ดูว่าเขาพูดอะไร มึงเข้าใจไหม มึงมาเจอกูสิ กูรถถังฝั่งธน มึงเคยวิ่งตีนแตกมาแล้ว คราวนี้กะโหลกกะลาอย่างมึงไม่เหลือหรอก มันไม่มีความอะไรในนั้นเลย แต่มันส์ แล้วพี่ก็เอามาเขียนเป็นเนื้อเพลง มันเหมือนเราได้ไปเที่ยวในโลกอื่นๆ

มีอยู่ครั้งนึงแต่งเพลงของ นัท มีเรีย คราวนั้นได้เป็นผู้หญิงเต็มตัว แล้วมีคนเดินเข้ามามองเรา อย่าเข้ามาใกล้นะเพราะว่าอยู่แค่นี้มีความสุขมาก ฉันขอซื้อสายตาเธอเก็บไว้ได้หรือเปล่า และจะบังคับให้เธอมองแต่ฉันคนเดียว ฮุคไม่มีอะไรเลย ฮุคบอกว่า ดีจังเลย ดีจังเลย แล้วร้องออกมามันเซ็กซี่มาก สำหรับพี่นะ กูรู้สึกเป็นผู้หญิงเลยล่ะ มีความรูสึกเฟมินีนขึ้นมาเลย (ยิ้ม)

ถ้าถามว่าเพลงคืออะไร สั้นที่สุดคือ เพลงคือความรู้สึก เพลงคือการอธิบายความรู้สึก เพลงคือความรู้สึกที่ส่งผ่านภาษา ส่งผ่านเมโลดี้ เวลาเพลงมันเป็นคำถาม พรุ่งนี้เธอจะยังรักฉันไหม เห็นว่าไหมก็เป็นคำถาม มาพร้อมเมโลดี้นะ ดนตรีก็เป็นคำถาม มาสรุปตรงนี้ คำถาม ข้อสรุป คำตอบ มันก็ยังเป็นความรู้สึก ถ้ามันคล้องจองกันทั้งคำร้อง ทำนอง ดนตรี แล้วคนที่สื่อมันออกมาสัมผัสได้กับความรู้สึกนั้นเป็นอันสมบูรณ์แล้ว

 

ก่อนที่จะมาเป็นนักแต่งเพลง เคยฝันอยากเป็นศิลปินเป็นนักร้องเองบ้างไหม

ไม่เคย พี่ชอบร้องเพลงแต่ไม่เคยอยากเป็นนักร้อง พี่รู้สึกว่าวันที่พี่แต่งเพลงคุณยายตายสนิท แล้วไปอยู่ในละครบางศอกกลับ ซึ่งคนที่ชวนพี่ไปแต่งบรีฟให้พี่ไปแต่งคือพี่สังข์ 108 มงกุฎ  เราก็เอาเพลงไปให้สังข์ดู แล้วสังข์บอกชอบอันนี้ ก็ออกมาเป็นเพลง คุณยายตายสนิท ละครจบแล้วเราก็ยังอิ่มเอมว่าคนกรี๊ดกับเพลงนี้ หลังเสียหัวเราะคือเสียงไอ ซึ่งทำให้เรารู้แล้วว่าอยากเป็นอะไร อยากเป็นไอดีนะ มีห้าสาขาวิชา มีสิ่งทอ มีออกแบบกราฟฟิก โปรดักส์ เซรามิค อยากทำงานสาขาที่ 6 สาขาดนตรี อยากแต่งเพลง อยากเขียนเนื้อเพลง

วันรุ่งขึ้น ดวงฤทธิ์ บุนนาค บอกให้โทรไปหาพี่ดี้ พี่ดี้บอกว่าให้หาคนที่แต่งเพลงนี้ให้หน่อย ไม่เอาน่า คนอื่นก็ตามหาฝันกันสุดขอบฟ้า เขาไปขั้วโลกเหนือทะลุแสงเหนือไปแล้วเขายังไม่เจอ ฉันฝันวันนี้พรุ่งนี้ฉันเจอแล้วเหรอ แค่ยืนอยู่หน้าประตูนี่ก็เจอแล้วเหรอ หรือว่าตอนเด็กๆเราลำบากจนกระทั่งเทวดาเขาเห็นใจ ลำบากโดยที่ไม่รู้ตัว แต่เราก็อยู่กับมันจนชิน

ผมระหกระเหินย้ายบ้าน 7 ครั้ง ย้ายโรงเรียน 10 ครั้งอะไรทำนองนี้ เราก็เลยแบบ…หลังจากนี้เราคงต้องระวังแล้วมั้งความฝันมันวิ่งมาชนเราเร็ว แล้วอย่างที่บอก ชนเขาไปดะเลย แต่งเพลงไม่เคยเจ็บปวดเลยนะ รู้แต่ว่าทำไมมันไม่ผ่านเราจะทำยังไงให้มันดีกว่านี้ได้ยังไง อะไรที่เรายังขาดอยู่ เติมอะไรได้บ้าง สู้แบบวัวกระทิงข้างสนามไม่ยอมเลิก มันสนุกมาก

 

ความทุกข์ของอาชีพนักแต่งเพลงคืออะไร

ในสิบปีแรก ในยุคทอง ทุกข์มากๆก็คือเขียนเพลงแล้วมันไม่ผ่านซักที นิดเดียวเอง จะเอาอะไร เวลาว่าง เงิน ชื่อเสียง พี่คิดว่าทั้งหมดที่ทำไป มันเกิดขึ้นด้วยความรักของพี่

 

เคยถึงทางตัน จนคิดไปว่าเป็นจุดจบของอาชีพบ้างไหม เหมือนนักบาสอาชีพที่วันหนึ่งพบว่า ชู้ตอย่างไรก็ไม่ลงห่วงอีกแล้ว

พี่มีวันแรก พี่มีตั้งแต่แรก พี่ชู้ตไม่ลงเลย วันแรกที่แต่งเพลงได้ เพลงแรกในชีวิตคือเรียนอยู่กับพี่ดี้ ชื่อเพลงทะเลคนของพี่อ้อม สุรสีห์ แล้วหลังจากนั้นแต่งไม่ได้เลย 6 เดือน ทุกคนในห้องเรียนก็ผ่านมั่งไม่ผ่านมั่ง ส่วนใหญ่จะไม่ผ่าน มีคนมาเรียนห้าสิบถึงหกสิบคน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ผ่าน ผ่านเข้ามาได้ทำงานประมาณ 4-5 คน ปริมาณนี้อาจจะมากสัดส่วน พี่ได้เข้าไปแล้วก็ได้มาเยี่ยมเพื่อนๆใหม่บ้างในห้องเรียน แล้วเราเรียนรู้จากความผิดพลาดตลอดเวลา แล้วก็เรียนรู้จากความสำเร็จ มันเปลี่ยนวัวตัวใหม่ เปลี่ยนสนามแข่ง เปลี่ยนเรื่องใหม่ด้วย เปลี่ยน พ.ศ. ใหม่ เปลี่ยนสไตล์ดนตรีด้วย มันเป็นเรื่องใหม่เราก็เอามาใช้ แต่จะมีบางอย่าง ยังไงภาษาไทยก็ต้องพูดให้รู้เรื่อง ยังไงภาษาไทยก็ต้องไม่ร้องให้ผิดวรรณยุกต์ เราใช้อันนี้ได้

ในช่วงสิบกว่าปีแรกไม่มีปัญหา เมื่อมาถึงยุคที่ไม่ใช่ยุคทองแล้วสตุ้งสตาค์ยังพอมี พี่ก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร ถ้าเป็นคนมีสตางค์ก็เอาไปซื้อบ้าน ซื้อรถ เราก็ไม่มีงานอดิเรกอะไร ไม่ได้ไปซื้อกีตาร์ตัวละแสน เราก็ไม่ได้เป็นคนซื้อเฟอร์รารี่เพราะซื้อไม่พออยู่แล้ว (หัวเราะ) ไม่ได้แต่งรถ ไม่มีกิจกรรมอะไร พี่เป็นเนิร์ดอ่ะ ก็มีสะสมเครื่องดนตรีบ้าง แต่จะค่อยๆเริ่มรู้สึกได้ว่าเงินที่ได้มันน้อยไปจากที่เคย และมาเริ่มรู้สึกลำบากจริงๆเอาช่วงหลัง คือช่วงที่ธุรกิจดนตรีมันเหมือนพะงาบๆ อย่างช่วงนี้ มันมีอาการอย่างนั้นมากกว่า

 

ภาวะความลำบากที่ว่านี้หมายถึงอย่างไร

ถ้าพูดถึงการทำงานในบริษัท ความคาดหวังที่ว่าเพลงนี้จะดังและออกมาแล้ว ทำให้บริษัทนี้ทุกอย่าง เพลงนึงได้ถูกคนจำนวนมากในทุกตำแหน่งในหน้าที่ของเขา พี่พูดในฐานะที่เป็นฟรีแลนซ์นะ ผู้ที่เป็นผู้บริหารทุกคนนั่งรุมเพลงที่เป็นเพลงๆนึง มึงต้องเป็นพระเอกขี่ม้าขาวให้กู มึงต้องกอบกู้บริษัท แล้วพอประชุมเอาม้าอีกตัวมา ก็พูดอย่างนี้อีก เพราะฉะนั้นมันจะไม่มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมาในปัจจุบันนี้ จะไม่มีเพลงที่จรรโลง หรือเพลงที่เผื่อสำหรับวันพรุ่งนี้ว่า เราควรทำเพลงให้เด็กๆ เขาหน่อยไหม ทำเพลงให้เด็กเล็กๆแล้วก็แกรมมี่คิดส์น่ะ แล้วก็ปูว่าเรารักกันนะ แล้วเราจะโตไปด้วยกัน คือมันไม่มีเวลาคิด เมื่อก่อนก็ไม่คิด ไอ้สิ่งนี้พยายามทำกี่ทีๆก็ไม่คิด

พี่เคยทำอัลบั้ม พี่ร้องเพลงการ์ตูน เคยทำเพลงการ์ตูน พี่แฮปปี้มาก คนหาซื้อกันใหญ่เลย แม้กระทั่งมันจบไปแล้ว และโครงการนั้นก็จบไปเลย ถ้าถามถึงความทุกข์หรือลำบากใจในวงการเพลง คงเป็นเรื่องที่มันไม่มีใครอยากลงทุนเพื่อวันพรุ่งนี้มากกว่าเรื่องอื่นๆ และการที่บังคับว่ายูจะต้องทำสิ่งนี้ได้ จนกระทั่งความรู้สึกที่พี่บอก เพลงคือความรู้สึก มันกลายเป็นว่าเพลงนั้นคือความคาดหวัง เพลงแม่งคือแพะ เพลงแม่งคือสิ่งที่…ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ก็จะต้องโทษเพราะว่าเพลงมันไม่ดี แล้วเขาก็มองเห็นคุณค่าของเพลงลดลงๆ มองหาอย่างอื่นที่จะทำ ทั้งๆที่เพลงมันต้องมีขึ้นมาใหม่ทุกวัน บางครั้งให้เพลงเป็นเพลงบ้างก็ได้ อย่าให้เป็นนารีขี่ม้าขาวมากขนาดนั้น เห็นน้องๆพี่ๆที่ยังทำงานอยู่ในบริษัทเป็นพนักงาน เขาเหนื่อยมาก เหนื่อยมากกับสิ่งที่เขาได้รับ มันไม่เท่ากัน ไม่ต้องเทียบกับยุคทองด้วยนะ

 

ศิลปินมีวันหมดยุคของตัวเอง วันนี้ไม่ดังเท่าเมื่อวาน บางคนรับไม่ได้…ฆ่าตัวตาย นักแต่งเพลงมีวันหมดยุคไหม นักแต่งเพลงปรารถนาความเด่นดังมีชื่อเสียงแบบศิลปินหรือเปล่า

เพลงเหมือนลูกนะ เราก็ดูอุลตร้าซาวด์ เริ่มรู้ว่าเป็นผู้ชาย ผู้หญิงแล้ว ดูแขนขา หัวใจ มันออกมาจากท้องหน้าตาเป็นยังไง มันลืมตาด้วย พอมันโตขึ้นผมเริ่มงอก แล้วในที่สุดถึงระยะนึง พี่รู้สึกว่าเพลงทุกเพลงเหมือนลูก ไม่เคยเกลียดเพลงไหน ยกเว้นเพลงที่แต่งไม่เสร็จ มันก็แท้งไป พี่ไม่เคยไม่ชอบเพลงไหนของตัวเอง ไม่เคยรู้สึกว่าไม่ชอบเพลงไหน ไม่เคยเลย

มีนักแต่งเพลงที่ทำตัวดัง และมีนักแต่งเพลงที่อยากดัง แต่ก็ไม่ดัง มีทุกแบบเหมือนกัน เหมือนศิลปิน ปัจจุบันการดังมันช่วยในเรื่องอื่น โซเชียลมีเดียมีผล การดังมันทำให้คนเชื่อในตัวเขามากกว่าในเพลงของเขา เพลงของพี่คนนี้แต่งแม่งต้องดี แต่พี่ไม่คิดอะไร ดังไม่ดัง พี่อยากให้เขาตกหลุมรักเพลงของพี่ อยากให้เขารักลูกพี่ เห็นแล้วอินเลิฟ หันมามอง เพลงพี่…แม่ง บางคนบอกพี่แม่งใจร้ายฉิบหาย บางคนบอกว่า…เพลงเพื่อเธอตลอดไป หนูฟังแล้วอยากมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนูเลย ผู้หญิงพูด แล้วมันรู้สึกดีมาก เขารู้สึกเซ็กซี่ มีความปรารถนาขึ้นมา ความรู้สึกหาซื้อด้วยเงินก็ไม่ได้

พี่เป็นคนที่ดูคอนเสริต์แล้วหันหลังดู พี่จะหันหลังไปดูตั้งแต่สมัยมาบุญครอง พี่ดูเพลงเร็วแล้วร้องไห้ คนทุกคนมีความคิดของเขา แต่สามนาทีที่เขาอยู่กับเรา เขาลืมไปหมดเลย เพลง…ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ เต้นจนลืมเมื่อวาน เต้นลืมอายุเลย ไปดูคอนเสริต์ถ่ายคลิปมาโอ้โห มันไม่มีอะไรที่ขัดขวางเขากับเพลงได้เลย คือเต้นแบบ แล้วเราจะไม่มีความสุขเหรอ

ดังนั้นถ้าถามว่าความทุกข์หรือความลำบากมีมากแค่ไหน พี่จึงคิดว่า มันเป็นส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งดีๆที่เราได้รับ บางคนจะบอกว่าไม่เอาแล้ว อย่าไปทำแม่ง อย่าไปแต่งเพลงแม่ง ไม่ต้องยุ่งกับวงการเพลง อย่ายุ่งอีกเลย แต่พี่มีความเห็นอีกแบบ มันก็มีวิธีอยู่กับมัน ยังมีวิธีได้สตางค์จากเพลง มีสุภาษิตอันนึงที่พี่ชอบมากเลย “ไม่มีคำขอบคุณสำหรับท้องน้ำที่แห้งขอด” หมายความว่า คนที่เดินทางมาทะเลทราย เจอโอเอซิส อยากกินน้ำ แล้วมาเจอบ่อน้ำที่แห้งเหือดเลย มันไม่พูดหรอก พี่ได้ให้ความดับกระหายผม มันพูดว่าน้ำอยู่ไหนวะ เทพเจ้าแห่งเสียงดนตรีเคยให้เรามาทุกอย่าง ให้มาทั้งชีวิตแล้ว พี่ว่าเขาไม่ได้หรอก เทพเจ้าแห่งเสียงดนตรี พี่อาจน้อยใจ หมั่นไส้ ผิดหวังบ้าง แต่พี่ด่าเขาสาดเสียเทเสียไม่ได้

ทุกวันนี้ เราก็เพียงต้องอยู่ให้ได้ด้วยเพลง และจะยังคงเป็นคนที่ทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเสียงเพลง

 

มีความคิดอยากให้ลูกๆมาทำงานเกี่ยวกับเพลงไหม

ไม่เคยแนะนำ ไม่เคยบอกให้ทำ แค่ทำให้ดู เขาไม่ค่อยรู้จักเพลงพี่เท่าไหร่ มันไปตามวัยและยุคสมัย สองคนชอบไม่เหมือนกัน เราฟังตามเขา เปิดโลกทัศน์ ไม่ต้องรู้จักว่าเพลงบิดาของท่านเป็นเพลงอะไร แล้วก็สนุกมากเวลาเข้าไปในคอนเสิร์ต ปล่อยพลังเต็มที่ พี่ก็วิ่งเข้าไปอยู่พักนึง แล้วพี่ก็วิ่งออกมา เข้าใจแล้ว พอแล้ว มันสนุกมาก ไม่ได้ต่อย ไม่มีปัญหาอะไร มันคือเต็มที่แล้ว คือการปลดปล่อย เมื่อก่อนดูคอนเสริต์ตอนเราเด็กๆเราจะเห็นคนไทยเป็นซอมบี้ เดี่ยวนี้ไม่ต้องสั่ง สิ่งที่แปลกมากอย่างนึง คาราบาวไม่ต้องสั่ง ตั้งแต่เพลงแรกเพลงสุดท้าย ชั้นอยู่กับพี่แอ๊ด พี่เล็ก พี่เทียรี่ฉันมีความสุขที่สุดแล้ว ทำไมเราถึงจะไม่ขอบคุณโลกนี้ ที่ให้โอกาสเราทำงานแบบนี้ เพลงมีคุณค่ามากเลย พี่ทิ้งไม่ได้ ไม่ใช่ว่าแกไม่ทำตังค์ให้ฉันแล้ว วันนี้นายเป็นบ่อน้ำทองคำให้เรา วันนี้เราก็อยู่ที่นี่แหละ อยู่ไปแบบน้ำพุเล็ก เราไม่ทู่ซี้ดันทุรังอยู่ เราอยู่แบบให้เราได้แต่งเพลง ไปทำอย่างอื่น

 

พออุตสาหกรรมดนตรีมันเปลี่ยนโฉมหน้าไปหมด แพลตฟอร์มดนตรีและสื่อต่างจากเดิม มองว่ามันเป็นยุคอะไรสำหรับคนดนตรีในภาพรวม

จะว่ายุคมืดก็ได้สำหรับคนที่ไม่เห็นแสงสว่าง พี่ไม่เห็นว่าเป็นท้องน้ำที่แห้งขอด พี่ก็ไม่เห็นว่าไฟมันดับทุกดวง พี่ก็ไม่เห็นว่าทุกอย่างมันจะเล็กหรือใหญ่ ต้องมีคนบอกว่ามันยุคมืดแล้วนะถึงจะมีคำนี้ออกจากปาก เพราะพี่ไม่คิดว่าเป็นอะไร พี่อยู่ข้างบนของการทำงาน แต่พี่ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปเป็นเหมือนฟาร์เรล วิลเลี่ยม แบบมีบ้านอยู่บาฮามาส์ (ยิ้ม)

 

เคยคิดจะก้าวไปสู่การทำงานระดับสากลบ้างไหม

พี่เป็นคนเขียนเนื้อเพลง การเขียนเนื้อเพลงไทยยากมาก มันยากด้วยตัวของมันเอง เหมือนปีนเขาเอเวอร์เรสต์ ถ้าเราจะแต่งเพลงฝรั่งให้ได้อย่างที่เราแต่งเพลงไทย เราต้องเกิดที่โน่น เราต้องเกิดอเมริกา เราถึงต้องรู้ว่าน้ำหนักการพูดน้ำหนักไหนที่มันเป็นคำนั้นจริงๆ มันไม่ได้ออกมาจากวิญญาณ เพราะฉะนั้นเราไม่กล้าจะเข้าไปเขียนเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ การแต่งทำนองมันไม่ใช่อาชีพหลักของพี่ มันเป็นสิ่งที่พี่ทำเสริม เพราะฉะนั้นภาษาเป็นตัวกำหนด ความไม่กล้า กระทั่งพี่เต๋อยังบอกเลย มีคนมาแต่งเพลงแกรมมี่เป็นภาษาอังกฤษ เขาทำอาชีพอะไรของเขาก็ไม่รู้ มันไม่ได้เกิดอยู่ที่แอลเอ มันพูดภาษาแอลเอไม่ได้หรอก มึงเป็นนักแปลจดหมายของหน่วยงานอะไรไม่พอ ต้องมีวิญญาณของเขา นี่ก็เลยเป็นสิ่งที่อีกอย่างที่เราตอบ พี่ไม่กล้าแต่งเพลงฝรั่งแต่ว่ามีเพลงที่ใช้เพลงภาษาอังกฤษเข้าไปแทรกในยุคที่เขาทำ มีช่วงนึง อันนั้นพี่กล้าใช้ พี่คิดว่าภาษาอังกฤษของพี่สื่อสารได้

ถ้าพี่เป็นคนทำดนตรี พี่อาจจะคิดถึงการไปทำงานระดับสากล และพี่ยังคิดเลยว่า เพื่อนที่มีความสามารถมากๆอย่างเช่น บรูโน บูกาโน ถ้าไปทำงานต่างประเทศ ป่านนี้อาจมีบ้านอยู่ที่โน่นสามหลัง แต่ บรูโน บอกว่าที่นั่นแถวยาวกว่าที่นี่ แล้วคนก็เก่งจริง เวลาเราฟังเพลงอะไรที่มันเกิดขึ้นใหม่ๆที่มาจากทางนั้น มันเป็นเพลงป๊อปของเขา ได้ยินเพลงของ Justin Bieber เพลง Love yourself  พี่ฟังครั้งแรก โอ้โห แม่งฆ่าไม่ตายจริงๆ วงการเพลงอเมริกันแม่งฆ่าไม่ตาย เจอ Ed Sheeran มึงฆ่าไม่ตาย

ใครบอกว่า Abba เชย พี่เถียงขาดใจ เอาเสียงเชยๆยุคนั้นออก ลองไปฟังว่าเขาแต่งอะไร พี่ฟังเพลงพวกนี้พี่ยกมือไหว้ทุกครั้งเลย แม่งเทพ ฟังไปจนถึง The sound of music ไม่มีตรงไหนที่เรียกว่าเชยได้เลยว่ะ มึงเชยเพราะภาพเก่าๆเพราะเป็น Julie Andrew และบทมันก็ไม่เชยด้วยนะหนังมันถึงอมตะ แล้วออเคสเตรชั่นที่อยู่ข้างในนั่งเลือกฟังเฉพาะเสียงฟลุตก็สิ้นชีพแล้ว ของดีก็คือของดี ข้ามเวลา มันประกอบไปด้วยตัวประกอบดีเด่น และรู้บทบาทของตัวเอง มีตัวพระเอกโคตรหล่อ นางเอกโคตรมีเสน่ห์ไปหมดทั้งเพลง และไม่ว่าจะเป็นอันไหนโอเค…ถ้าตัวประกอบอันนั้นมันเชย ตัดตัวใหม่ใส่เข้าไป

เสียงที่จะทำให้เรารู้สึกว่ามันเชยมากๆในเพลงแต่ละยุค เสียงสแนร์ เสียงกลอง กับ เสียงเบสสองอย่าง และก็อาจจะเป็นเสียงเอฟเฟ็คของกีตาร์ ลองเอามันออก ลองเปลี่ยนชิ้นดนตรีให้มันกลาง เป็นเดี๋ยวนี้ เรียบเรียงอีกนิดนึงมันถึงเป็นเพลงอมตะ คนเดี๋ยวนี้โปรดิวเซอร์เก่งๆแล้วเรียนมาสูงๆและมีพรสวรรค์มากๆก็มี แต่เดี๋ยวนี้มันอาจจะมีวัฒนธรรมฮิปฮอป วัฒนธรรมที่ทำอะไรได้ง่ายๆ การเดินไปถึงห้องอัดมันง่ายขึ้น อัดที่บ้านทำกันเองก็ได้ มันทำตามความฝันได้ง่ายขึ้น เขาก็หากิมมิคมากกว่าหารายละเอียด ตัวคู่แข่งมันก็มากเข้าเพราะทุกคนทำได้ แทนที่จะนั่งไปและไม่รู้หรอกว่า Rembrandt เขาวาดฝีแปรงอย่างนี้เขามีอะไรในนั้นอีก เขาไม่ใช่สักแต่ว่าป้ายๆ แล้วก็ไม่ได้ไปศึกษาตรงฝีแปรง คุ้ยดูกอหญ้าอะไรของเขา ทั้งหมดความสำเร็จที่เขาได้มาเมื่อก่อนมันคือการแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ เครื่องมือก็ไม่ดี ระบบเสียงก็ใช้ไม่ได้ เครื่องดนตรีก็แย่ เต้นไปร้องไปเหนื่อยโคตรๆ ความสำเร็จเดี๋ยวนี้มันอยู่ในจอ ดูง่ายๆ สมัยก่อนจะไปดูมิวสิควีดีโอ ดูที่ไหนวะ จะไปรอดู

พี่รู้สึกว่าดนตรีเป็นงานของพี่ พี่อยู่กับมันแล้วรู้สึกมีความสุข เมื่อก่อนมีคนบอกว่าอย่าทำงานอดิเรกให้มาเป็นงานอาชีพ เดี๋ยวจะเบื่อ เราไม่เห็นเบื่อเลย ใครพูดคำนี้ ชอบเล่นโดรน อย่ามาทำเป็นอาชีพ ไม่เอาๆ เขามาจ้างเอาโดรนขึ้นถ่ายให้กูหน่อยให้ห้าหมื่น ไม่เอาๆมันเป็นงานอดิเรก โง่เปล่า สมัยก่อนอาจจะพูดอย่างนี้ได้ ลูกแต่งเพลงเป็นงานอดิเรกไหม แล้วรับราชการ นึกในใจตอนนี้การแข่งขันสูง เขาเรียกร้องให้ไปทำงานแล้วตำแหน่งนี้มันไม่ได้มีเกิดขึ้นมาง่ายๆ แล้วได้ หรือลูกแต่งเพลงเป็นอาชีพได้หรือลูก อาจารย์ที่เรียนบอกว่าเต้นกินรำกิน ยังดูถูกเรา เคยมีอาจารย์ที่ดูถูกเราด้วย ปีที่หนึ่งเป็นไงลูกก็เงินเดือนขึ้นแล้วคุณอา เท่าไหร่แล้ว แต่รับราชการก็พิจารณาไว้นะลูก เขาบอกตอนที่ได้ส่วนแบ่งเท่านี้ แกก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแล้ว อันนั้นยุคทองของเราพอดี เก็บเงินดีๆนะลูก

 

ความมั่นคงในชีวิตนักแต่งเพลงอาชีพยุคนี้เป็นเรื่องที่ต้องกังวลไหม

มันไม่ใช่ฝันของเราที่กูทำอยู่อะไรก็ได้ที่มันประทังชีวิต ที่มันหล่อเลี้ยงชีวิต แล้วกูก็ไปทำบ้าบอคอแตกเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ หรือกูรอพักร้อน กูพักร้อนทุกวัน จับปากกามานี่…กูฟังเอาแล้ว กูเที่ยวอีกแล้ว กูวาดรูปอีกแล้ว กูได้เป็นคนโน้นคนนี้อีกแล้ว

 

ชีวิตครอบครัวกับงานมีข้อจำกัดมากน้อยแค่ไหน

ไม่มี ก็เข้าใจ เรามีความสุขแล้วก็สามารถดูแลได้ ดูแลชีวิต ดูแลครอบครัว มีบ้างที่ต้องกลับดึก มีงานเสาร์-อาทิตย์ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ถ้าทำสิ่งนี้แล้วมีความทุกข์ พี่เองก็ไม่ทำแล้ว ถ้ารู้สึกว่าสิ่งนี้ทำให้เราสูญเสียมากจนเกินไปแล้ว การทำงานนี้ ไม่ว่าจะเป็นการถูกเอาเปรียบ ความทุกข์ สุขภาพ ชีวิต พี่ก็คงต้องพิจารณามัน แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ เรายังมีความสุขและมันมีช่องทางที่มันตอบการดูแลชีวิตได้ ก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น ทำเพลงด้วยวิธีต่างๆเพื่อสิ่งต่างๆ

 

ลักษณะงานเพลงที่ทำอยู่ในปัจจุบัน

ปัจจุบันเป็นฟรีแลนซ์ สามารถทำงานให้ได้ทุกสถาบัน งานเพลงของแกรมมี่ก็ยังทำอยู่ในฐานะฟรีแลนซ์ รวมถึงงานอื่นๆข้างเคียง เช่น เพลงประกอบ ทำซิงเกิ้ล แม้กระทั่งไม่มีเนื้อเพลงก็ทำได้ เพราะมีทีมพร้อม ล่าสุดมีงานทำเนื้อเพลงให้คอนโดของเพื่อน เพิ่งส่งงานไปสี่คลิป อะไรก็ตามที่เป็นเพลงขอให้บอก เพลงไทย ฝรั่ง อะไรก็ตาม

 

ในมุมมองผู้บริโภคหรือผู้ที่ต้องการมีเพลงหรือดนตรีของตัวเองสำหรับงานต่างๆ การติดต่อนักแต่งเพลงอาชีพหรือโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงระดับแถวหน้าของประเทศมาทำงานให้ เป็นเรื่องที่น้อยคนจะคิดว่าทำได้ง่ายๆ หรือราคาอาจจะสูงจนไม่มีใครกล้าจ้าง ทำให้เลือกจ้างเด็กๆ หรือทีมงานเล็กๆที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมาก แทนที่จะมาติดต่อเรา มองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาหรือไม่ อย่างไร

ตรงสิ่งนี้คือสิ่งที่พี่ไม่ได้คิด แต่พยายามคิด มองภาพรวม ในฐานะคนทำงานก็ไม่ต่างจากธุรกิจทั่วไป เราสามารถวิ่งเข้าหางาน ถ้ามีสิ่งไหนจำเป็นต้องทำก็จะทำเลย รวมถึงการประชาสัมพันธ์ เมื่อมีโอกาส และมีเป้าหมายที่ชัดเจน
(ตรงนี้จะใส่ลิงค์ตัวอย่างงานที่ทำแบบ Tailor Made ลงไปให้คนเปิดฟังหรือดูยูทูปได้)

ในการรับงาน คนที่มาพร้อมกับบริษัทใหญ่ เขาจะหาตัวเปรียบเทียบ ถ้าเขาอยากได้เรา เขาก็หาเรา ถ้าเขาจะจ่ายเขาก็ต่อรอง เราเอางานเข้ามาตามขั้นตอนของธุรกิจทั่วไป เพื่อขับเคลื่อนทีม เพื่อให้งานมันเกิดขึ้น

 

จากผลงานเพลงที่แต่งแล้วดังมานับไม่ถ้วน มีคำตอบที่ชัดเจนหรือยังว่า ส่วนผสมความสำเร็จของเพลงที่จะดังคืออะไร พอจะแนะนำนักแต่งเพลงรุ่นใหม่ได้ไหม

พี่ว่าได้คำตอบแล้วนะ คือ…จงเป็นคนที่ไปร้องเพลงนั้น จงเป็นส่วนนึงของบรรยากาศนั้น ของกีตาร์เสียงนั้น ของกลองชุดนั้น แล้วเป็นคนที่พูดภาษาของคนนั้น จงรู้สึกกับมัน แล้วถ้าอยากให้มันก็จงรู้สึกกับมันก่อน

นักวาดรูปเขาคงมีกิมมิคของเขา รูปวาดของเขาที่ราคาแพงๆ นอกเหนือจากคนวาด สิ่งสำคัญคือรูปที่เราเห็นนั้นจะต้องสวยก่อนเลย โดยไม่ต้องรู้ว่าใครเป็นคนวาด รูปที่ดี เห็นปุ๊บ…เราจะพูดออกมาว่าสวย แล้วคนที่วาดเขารู้เอง พูดแบบกำปั้นทุบดินว่า…จงรู้วิธีนั้นซะ ย้อนกลับเข้าไปตรงรูปภาพนั้นก็ได้ ศึกษาให้มาก ฟังให้เยอะ ดูเพลงที่สำเร็จ  ดูเพลงที่ชอบ ดูเพลงที่ไม่ชอบแต่ดัง ส่วนเพลงที่มันไม่ทำให้เรารู้สึกอะไรเลย ก็ไม่ต้องไปฟังมัน จงมีวิธีของตัวเอง

 

ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในวงการเพลงที่พิสูจน์ด้วยผลงานหลายร้อยชิ้นตลอดระยะเวลากว่ายี่สิบปีของ จักราวุธ แสวงผล และการปรับตัวอย่างมีชีวิตชีวาพร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมดนตรี คงไม่ได้เป็นเพียงสิ่งยืนยันว่า เขาเป็นมากกว่าตัวจริงเสียงจริงของวงการนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นแมวเก้าชีวิตตัวโปรดของเทพเจ้าแห่งเสียงดนตรี ที่ยังคงเปี่ยมด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์ และสนุกสนานกับการได้ทำงานที่รักอย่างไม่สิ้นสุด ก้าวผ่านยุคผ่านสมัยมาได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ยึดติดกับกับดักความสำเร็จเก่าๆบนหอคอยงาช้างหรืออัตตาที่ปล่อยวางไม่ลง ทำให้งานดนตรีฝีมือขั้นเทพของเขากลายเป็นสิ่งที่ใครๆก็จับต้องได้ เข้าถึงได้ ในโลกที่แบนราบลงอย่างทุกวันนี้ และทำให้เขามีความสุขกับชีวิตในฐานะคนทำงานศิลปะที่ไม่ได้เป็นแค่บุคคลในตำนาน แต่เป็นทั้งปัจจุบันและอนาคตที่น่าตื่นเต้นของวงการเพลงต่อไปอีกนานเท่านาน

You may also like...