The Hundred Foot Journey ดวงดาวบนจานอาหาร

พักหลังๆมานี้ค่ายดิสนีย์มักสร้างภาพยนตร์จากสองอย่างคือ เรื่องจริง กับ หนังสือ เรื่องล่าสุด The Hundred Foot Journey ก็นำเรื่องราวมาจากนิยายเล่มโปรดของ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรชื่อดังที่จับมือกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับชั้นครูเพื่อนรัก อำนวยการสร้าง โดยได้ ลาสซี ฮอลล์สตรอม ผู้กำกับชาวฮอลแลนด์มารับหน้าที่กำกับ

หนังเล่าถึง ฮัสซาน คาดาม ชายหนุ่มที่มีพร­สวรรค์ในการทำอาหาร ครอบครัวของเขาต้องย้ายจากบ้านเกิดในประเทศอินเดียจากปัญหาการเมืองมาอยู่กรุงลอนดอน แต่ไม่นาน ปาป้า (ออมม์ พูรี) พ่อของเขา ก็นำลูกหลานหนีความหนาวเย็นในประเทศอังกฤษเดินทางข้ามทะเลมาเสี่ยงดวงในยุโรป บังเอิญรถเก่าบุโรทั่งของพวกเขาเกิดเสียที่ เซนต์ แอนโทนิน วาล หมู่บ้านในชนบททางตอนใต้ของฝรั่งเศส โชคดีที่ มาร์การีต (ชาร์ลอตต์เลอ บอน) ซูเชฟสาวให้การช่วยเหลือพวกเขาไว้ วันถัดมา ด้วยสัญชาติญาณ ปาป้า ตัดสินใจเปิดร้านอาหารอินเดียชื่อว่า เมซอง มุมไบ ที่นั่น

ปัญหาก็คือฝั่งตรงข้ามห่างไปประมาณ100ก้าวมีร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดังอย่าง เลอ ซอล เพลอร์เรอร์ ที่มีดาวมิชลินการันตีอยู่1ดาว (รางวัลด้านอาหาร) มาร์กาเร็ต ก็ทำงานที่นี่ โดยมี มาดาม มัลลอรี (เฮเลน มิเรน) เป็นเจ้าของร้าน เธอมีความฝันว่าจะต้องนำดาวมิชลินอีกดวงมาประดับร้านเพิ่มให้ได้ การต่อสู้ของสองวัฒนธรรมจึงเริ่มขึ้น ร้านอาหารอินเดียที่เหมือนเป็นทีมเยือนทุ่มเทสุดหัวใจ ขณะที่ร้านอาหารฝรั่งเศสซึ่งเป็นทีมเหย้าก็ยอมไม่ได้ที่คนต่างชาติจะมาเหยียบจมูกถึงถิ่น

บทของ The Hundred Foot Journey ค่อนข้างเป็นไปตามสูตรสำเร็จของหนังฟีลกู้ด มีส่วน โรแมนติก ดราม่า และ คอเมอดี้ คละเคล้ากัน แม้จะคาดเดาเนื้อเรื่องได้บ้างแต่หนังก็สร้างความประทับใจในหลายแง่มุม ทั้งการได้เรียนรู้วัฒนธรรมทั้งอินเดียและฝรั่งเศสจากจานอาหารของพวก รวมถึงการสร้างบรรยากาศหนังให้ดูอบอุ่น ด้วยโลเคชั่นสวยๆ การถ่ายภาพที่งดงาม บวกกับดนตรีประกอบเพราะๆ

หนังเรื่องนี้คล้ายการผสมรวมกันอย่างลงตัวระหว่าง Million Dollar Arm กับ The Lunchbox แต่ข้อเสียคือตัวหนังออกจะโลกสวยมากเกินไปหน่อย หากเปรียบเป็นอาหาร คำแรกรสค่อนข้างเข้มข้น ผ่านไปครึ่งจานรสชาติถือว่ากลมกล่อมทีเดียว ติดที่ก้นจานออกหวานเลี่ยนไปสักหน่อย กระนั้นโดยรวมยังถือว่าคุ้มค่ากับราคา

สำหรับการแสดง มานิช ดายาล ในบท ฮัสซาน พระเอกของเรื่องสอบผ่านแบบเฉียดฉิว ซีนอารมณ์ทำได้ดี แต่โดยรวมยังไม่สามารถฉายเสน่ห์ให้ผู้ชมสาวๆหลงใหลตามที่นักแสดงนำชายในหนังแนวนี้ควรจะทำได้ ขณะที่ ชาร์ลอตต์เลอ บอน ที่เล่นเป็น มาร์การีต แสดงได้น่าสนใจ บุคลิกของเธอค่อนข้างน่ารักโดดเด่น ด้านรุ่นใหญ่ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมจนขโมยซีนคนหนุ่มสาวไปหมด เฮเลน มิเรน แสดงได้เป็นธรรมชาติมากๆ ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของ มาดาม มัลลอรี ออกมาได้หมดจด ส่วน ออมม์ พูรี ทำให้ ปาป้า เป็นตัวละครที่คนดูรักมากที่สุด ชอบคำพูดเขาที่ว่า ที่ผมต่อราคาไม่ใช่เพราะว่าผมจน แต่ผมแค่ใช้เงินเป็น และ มีครอบครัวอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็คือบ้าน

ทว่าข้อความที่โดนใจผู้ชมที่สุดใน The Hundred Foot Journey เห็นจะเป็น  อาหารคือความทรงจำ ใครที่เคยต้องไปใช้ชีวิตต่างถิ่นหรือต่างประเทศนานๆคงเข้าใจดี การได้กินอาหารบ้านเกิดหลังจากไม่ได้ลิ่มรสมานานนั้น มันมีความสุขมากขนาดที่บางคนนํ้าตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้น่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านอาหารอินเดียทั่วโลกได้ไม่น้อยทีเดียว

BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์

สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)

จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์

 

 

You may also like...