Maleficent คำสาปแห่งรัก

เชื่อว่าแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยฟังนิทานเรื่อง Sleeping beauty หรือ เจ้าหญิงนิทรา โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงเกือบทุกคน การ์ตูนเรื่อง Sleeping beauty เป็นผลงานชิ้นสำคัญที่ทำให้ค่ายหนังดิสนีย์ค่อยๆโด่งดังขึ้น ปราสาทที่อยู่ใจกลางดิสนีย์แลนด์ก็คือ ปราสาทของเรื่อง เจ้าหญิงนิทรา การกลับมาของ Sleeping beauty เวอร์ชั่นคนแสดงที่เปลี่ยนชื่อเป็น Maleficent จึงมีความน่าสนใจไม่น้อย กับการชูแม่มดตัวร้ายในตำนานอย่าง มาเลฟิเซนท์ เป็นตัวหลัก ซึ่งได้ แองเจลินา โจลี นักแสดงมากฝีมือมารับบทนี้ ก่อนหน้านั้น หนูน้อยหมวกแดง เคยถูกรีเมคใหม่ในชื่อ Red Riding Hood เช่นเดียวกับ สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้ง7 ในชื่อ Snow White and the Huntsman โดยค่ายอื่น กระแสตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มาดูกันว่า ดิสนีย์ ต้นตำหรับผู้สร้างเทพนิยายจะทำได้ดีแค่ไหน Maleficent เล่าถึง มาเลฟิเซนท์ นางฟ้าตัวน้อยมากอิทธิฤทธิ์ผู้ปกครองเมืองมัวร์ อาณาจักรแห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่สวยงามและวิเศษมากมาย พวกเขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ผาสุข ต่างกับมนุษย์เมืองข้างเคียงที่เต็มไปด้วยกิเลส ราชาเฒ่ารอคอยโอกาสที่จะยึดครองสมบัติของเมืองมัวร์มาตลอด มาเลฟิเซนท์ ได้พบและเป็นเพื่อนกับ สเตฟาน เด็กชายผู้กำพร้า นานวันความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เริ่มลึกซึ้งขึ้น

ต่อมา เมื่อ มาเลฟิเซนท์ เติบโตเป็นสาว สเตฟาน หายเข้าไปในโลกมนุษย์ กษัตริย์ผู้ละโมบยกทัพมาบุกเมืองมัวร์แต่ก็พ่ายแพ้ต่อเวตมนต์ของ มาเลฟิเซนท์ ด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูง สเตฟาน ใช้ความรักหลอกจนได้ปีกทรงพลังของเธอไป สเตฟานได้ขึ้นเป็นราชา มาเลฟิเซนท์ ดํ่าดิ่งสู่ความมืด ในวันที่ เจ้าหญิงออโรร่า ลูกสาวของกษัตริย์สเตฟานถือกำเนิด เธอจึงร่ายคำสาปที่ไม่มีสิ่งใดในโลกถอนได้เว้นแต่รักแท้แก่ทารกเพื่อเป็นการแก้แค้น บทของหนังตีความนิทานปรัมปราออกมาใหม่ได้ดี เนื้อหาตั้งแต่ช่วงกลางของหนังคาดเดาไม่ได้ ดำเนินเรื่องน่าติดตาม กระชับ(บางคนบ่นว่าสั้นไป) อาจเป็นไม่กี่ครั้งที่คุณทั้งเห็นใจ รวมถึงเอาใจช่วยตัวร้ายของเรื่อง ส่วนผสมของความแฟนตาซี แอ็คชั่น ดราม่า เกือบลงตัว เสียดายที่การเดินเรื่องไม่หวือหวา ซีนอารมณ์เกี่ยวกับผู้หญิงๆแบบความสัมพันธ์แม่ลูกแค่ซึ้งนิดๆ แต่กลับไม่ได้บีบคั้นให้คนดูอินถึงกับเสียนํ้าตา จึงดูเหมือนไม่เต็มอิ่มเท่าที่ควร ทว่าสิ่งที่ชดเชยมาคือมุขตลกหน้าตายของตัวละครหลายตัวที่สร้างเสียงหัวเราะได้ตลอด ด้านเทคนิคภาพทำออกมาได้สวยงามตระการตาอย่างมาก ไม่เสียชื่อ โรเบิร์ต สตรอมเบิร์ก ผู้รังสรรค์ภาพจากหนัง Avatar ดนตรีประกอบใช้ได้ แต่สิ่งที่รู้สึกว่าขาดหายไปคือเพลงเพราะๆซึ่งเป็นลายเซ็นต์เฉพาะตัวของค่ายดิสนีย์

ในส่วนของการแสดง นับเป็นผลงานการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ แองเจลินา โจลี ในรอบหลายสิบปี กับบท มาเลฟิเซนท์ นางฟ้าที่ทั้งอกหักและปีกหัก เป็นตัวละครที่เหมาะสมกับ โจลี มาก การปรากฏตัวของเธอน่าจดจำในทุกฉาก แอลล์ แฟนนิง ที่แสดงเป็น เจ้าหญิงออโรร่า เล่นได้น่ารักดี จริงๆก็น่ารักทุกเวอร์ชั่นตั้งแต่ทารกยันโตเป็นสาว (เวอร์ชั่นเด็กน้อยมีซีนนึงผู้แสดงคือ วิเวียน ลูกสาวแท้ๆของโจลี) ความสวยใส ไร้เดียงสาของ แอลล์ ช่วยลบภาพ เจ้าหญิงออโรร่ามากจริตในเวอร์ชั่นการตูนไปได้ เธอเป็นเจ้าหญิงที่ทำยังไงก็เกลียดไม่ลงจริงๆ

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ แซม ไรลี่ย์ นักแสดงหนุ่มผู้เคยประกบ คริสเตน สจ๊วต ใน On the road มาครั้งนี้ในบท เดียวัล อีกาผู้ซื่อสัตย์ ของ มาเลฟิเซนท์ โดดเด่นขโมยซีนสุดๆ วูบหนึ่งคิดอยากให้ แซม เป็นคนถอนคำสาปซะเลย เสน่ห์ของเขาทำเอาหนุ่มรุ่นน้อง เบรนตัน ทเวทส์ ที่เล่นเป็นเจ้าชายฟิลลิปแอบหมอง (มีคนบอกว่า เบรนตัน หน้าคล้าย ณเดชน์) ขณะที่ สามนางฟ้า น็อตแกรส ฟลิตเทิล ทิสเติลวิท เป็นตัวละครที่ดูขัดหูขัดตาไปหน่อย

การดู Maleficent มีข้อปฏิบัติง่ายๆคือ ลืมสิ่งที่คุณเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก แล้วเปิดใจให้ตำนานบทใหม่กับเรื่องราว กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งตอนจบไม่ใช่แค่ และเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดกาล อีกต่อไป

BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์

สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)

จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์


You may also like...