พงษ์เชิด จามีกรกุล

หากจะเอ่ยถึงผู้นำด้านอุตสาหกรรมสีอันดับต้นๆ เราคงคุ้นเคย และนึกถึงสี TOA ซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมายาวนานกว่า 50 ปี จากการเริ่มต้นธุรกิจในปี 2500 จนมาถึงวันนี้ TOA เป็นผู้นำนวัตรรมสีที่ครองตลาดเป็นอันดับ 1

ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมสีและผลิตภัณฑ์เคลือบผิว ภายใต้ความสำเร็จขององค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ย่อมต้องมีผู้นำและผู้ตามที่ดีเสมอ เป็นแรงขับเคลื่อนให้องค์กรก้าวสู่แถวหน้า ผู้บริหารหนึ่งในนั้นคือ คุณพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ที่คอยขับเคลื่อนนโยบายการบริหารงานต่างๆของบริษัทให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด

ประวัติส่วนตัว และการก้าวเข้าสู่ตำแหน่ง
ผมจบวิศวะโยธา จากพระจอมเกล้าธนบุรี จบ MBA จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วมาต่อ MM ที่ศศินทร์ ทำงานอยู่ปูนซีเมนต์ไทย 8 ปี หลังจากนั้นได้มีโอกาสไปร่วมงานกับบริษัทดีทแฮลม์ ดูแลกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างอยู่ 3 ปี จากนั้นก็มาร่วมงานกับ TOA ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลา 18 ปีแล้ว แรกเริ่มที่เข้ามาได้ไปดูแลบริษัทในเครือก่อนประมาณปีเศษ จังหวะช่วงเศรษฐกิจวิกฤตเลยได้โอนย้ายเข้ามาในส่วนกลาง ดูแลเรื่องการขายโดยตรง จัดทีมการขายใหม่ แล้วก็ได้มาดูส่วนของการตลาด และได้ดูเพิ่มเติมในส่วนของต่างประเทศ หลังจากนั้นผมได้รับการโปรโมทให้มาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่

ภารกิจหลักขององค์กรในส่วนที่คุณรับผิดชอบ
ภารกิจหลักของผมคือการนำองค์กรให้บรรลุเป้าหมายของบริษัท ทั้งในแง่ของยอดขาย การผลักดันสินค้า การพัฒนาตลาด ในแง่ของการพัฒนากลุ่มสินค้าให้ตอบรับกับนโยบายทางด้านสิ่งแวดล้อม เรื่องการเป็นผู้นำนวัตกรรมสีเขียว (Greenovation) รวมถึงการขยายตลาดของ TOA ให้ไปอยู่ในตลาดกลุ่มประชาคมอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ปัจจุบันเราสามารถขยายไปได้ 7 ประเทศจาก 10 ประเทศ ผมจึงมุ่งเน้นพัฒนาบริหารคุณภาพคนของ TOA (Peoplemamager) หมายถึงไม่เพียงแค่เราจะพัฒนาความสามารถในการทำงานแต่ละด้านที่เรียกว่า Competency แต่หมายรวมถึงความเป็นผู้นำของเราด้วย ดังนั้นคือการรวมกันระหว่าง Competency กับ leadership เรามุ่งเน้นการพัฒนาคนของเรา ซึ่งคนเป็นกลไกในการขับเคลื่อนที่สำคัญขององค์กรอย่างยิ่ง อีกอันที่สำคัญคือพยายามที่จะมุ่งเน้นในการพัฒนากระบวนการ เพื่อให้เกิดคุณภาพที่สูงที่สุด อันนี้คือสิ่งที่เป็นเป้าหมายขององค์กรโดยรวม

ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปี 2557 นี้พฤติกรรมการใช้สีของผู้บริโภคเปลี่ยนไปไหม
ก่อนอื่นผมจะขอพูดถึงงาน TOA Color Design Award ซึ่งมันมีความกี่ยวเนื่องกัน โครงการนี้เริ่มมาเป็นปีที่ 6 แล้ว ใน 3 ปีแรกเรามุ่งเน้นที่จะพัฒนา เปิดโอกาส เป็นเวทีให้กับนักออกแบบรุ่นเยาว์อายุตั้งแต่ 18-30 ปี ให้มาแสดงความสามารถทางการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ เนื่องจากเรามีการขยายตัวไปในประชาคมอาเซียน ปีที่ 4 ปี่ที่ 5 ที่ผ่านมา เราเลยมุ่งเน้นให้เยาวชนในแต่ละประเทศส่งผลงานเข้ามาร่วมกัน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เราเห็น และพบความสามารถของเยาวชนทั้งคนไทยและต่างประเทศ ซึ่งเยาวชนในสมาคมอาเซียนเองมีความสามารถเป็นอย่างมาก จึงเป็นส่วนสำคัญทำให้เรามีแรงผลักดันที่จะมีโครงการนี้ต่อไป

อีกอย่างคือการที่เราได้เห็นแง่มุมของการใช้สีในชีวิตประจำวันได้อย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะกลไกที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาหลายปีผู้บริโภคเริ่มแสดงจุดยืน แสดงตัวตนในแง่ของการใช้สีตามใจที่ตัวเองต้องการมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีเครื่องมือที่เข้ามาช่วยให้การใช้สีง่ายขึ้น เช่น เครื่องผสมสีที่สามารถผลิตสีได้มากมาย การเข้าถึงสีตัวเองชอบจึงเป็นไปได้อย่างง่ายๆ เพราะปัจจุบัน TOA มีเครื่องผสมสีอยู่ในประเทศไทยประมาณ 3,500 เครื่อง แต่ถ้าพูดถึงในประชาคมอาเซียนหมายรวมถึงในต่างประเทศด้วยน่าจะ 4,000 เครื่อง ในลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย จะเห็นเครื่องผสมสีเรากระจายอยู่ รวมๆแล้ว 4,000 แห่ง จุดนี้เองเป็นกลไกสำคัญทำให้ผู้บริโภคสามารถที่จะเข้าถึงสีหรือพฤติกรรมของสีที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถที่จะหาซื้อได้ง่ายขึ้นและตอบโจทย์เฉพาะความเป็นตัวตนของตัวเองมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการใช้สี มีเครื่องมือที่สะดวกในการเข้าถึง มีเวทีที่ให้หลายๆคนได้แสดงความคิดเห็น ออกแบบในแง่ของการใช้สี

สำหรับสีของ TOA คงมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ส่วนนึงก็คงพัฒนาในแง่คุณสมบัติต่างๆให้สีมีคุณสมบัติที่ดีขึ้น เราจะเห็นอะไรใหม่ๆที่เข้ามาเช่น สีสามารถยืดหยุ่นตัวได้ ป้องกันรอยแตกร้าว สีที่เช็ดล้างได้ เพราะสีได้เข้าไปอยู่ในที่ๆที่มีการเช็ดล้างบ่อยขึ้น สีสามารถที่จะสร้างอากาศดีๆให้เรา สามารถเป็นอ๊อกซิเจนได้ อย่างเช่น สีซุปเปอร์ชิลด์ ดูราคลีน ออกซิเจนพลัส หลายสิ่งหลายอย่างพวกนี้มันสะท้อนถึงนวัตกรรม
ส่วนสำคัญที่ TOA จะพัฒนาต่อไปคือการช่วยชี้แนะถึงทิศทาง แนวโน้มของสี โทนสี เฉดสี เทรนด์ของสีในอนาคตว่าจะเป็นยังไงกับการใช้สีมาตกแต่งห้องภายใน ตกแต่งอาคาร เราพยายามจะนำโทนสีหรือเฉดสีต่างๆเข้ามาในแต่ละปี อย่างการออกแบบลักษณะนี้ก็จะกลายเป็นส่วนนึงของข้อมูลที่เราเอาไปกำหนดเป็นเฉดสีในอนาคตว่าปัจจุบันหรือเทรนด์สีในอนาคตจะออกมาในรูปแบบไหน

ในส่วนของกิจกรรมต่างๆหัวใจสำคัญของ TOA คือต้องการสร้างเวทีให้เยาวชนสามารถเข้ามาแสดงตัวตน เสนอแนวคิดหรือความคิดสร้างสรรค์ เข้ามาเพื่อมาแข่งขัน ที่สำคัญเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำกิจกรรมลักษณะนี้จะเป็นการยกระดับงานฝีมือ งานออกแบบ หรืองานออกแบบสีของประเทศไทยให้ไปสู่ประชาคมอาเซียน

กิจกรรมที่ TOA เข้าไปมีส่วนร่วมหรือเข้าไปสนับสนุน
TOA มีโครงการค่อนข้างมาก อย่าง TOA Color Design Award เป็นส่วนหนึ่งที่เราเข้าไปสนับสนุนทางด้านการศึกษา เปิดเวทีให้เยาวชนเข้ามาแสดงพลัง ความคิด ความสามารถออกมา ทางด้านการศึกษา เรามุ่งเน้นหลักใหญ่ๆทางด้านอาชีวะเข้าไปร่วมมือกับทางกรมอาชีวะ ส่งเสริมให้เข้ามาร่วมกิจกรรมในแง่ของการพัฒนาฝีมือ เกี่ยวกับงานสี งานไม้ มีกิจกรรมการแข่งขัน ได้ผู้ชนะเลิศที่หลากหลาย ทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ล่าสุดเราพาทีมที่ได้รับการคัดเลือกประมาณ 10-20 ท่าน ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ไปทัศนศึกษาที่เวียดนาม นี่ก็เป็นส่วนนึงของกิจกรรมเพื่อสังคมที่เราพัฒนาด้านการศึกษา

ในแง่อื่นที่เกี่ยวกับด้านงานสังคมคือ เราจะพัฒนาโบราณสถาน พยายามที่จะรักษาโบราณสถานเพื่อคงไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรม เพื่อให้มรดกเหล่านี้สามารถผ่านไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เพื่อให้คุณค่าของมันยังคงอยู่ เช่น เราได้ไปบูรณะภูเขาทอง ช่วยกันทำให้สวยสดงดงาม ได้ไปบูรณะสถาปัตยกรรมที่หัวลำโพงให้สวยสดงดงามเพราะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับกรุงเทพมายาวนาน เข้าไปร่วมมือกับชุมชนที่อัมพวา ไปอนุรักษ์และพัฒนาเพราะต้องการที่จะรักษาบรรยากาศกับสภาพของวัฒนธรรมไทยๆไว้

ส่วนในแง่ของสังคม เราเข้าไปให้การสนับสนุนโรงพยาบาลในแง่ของทุน ในแง่ของการรักษาเด็ก ส่วนในแง่ของการใช้ผลิตภัณฑ์เราสนับสนุนให้กับทางโรงเรียน ทางวัด ทำอยู่ทุกปี รวมทั้งในเรื่องของทุนการศึกษาเราทำมาโดยตลอด

TOA มีกิจกรรมหลายส่วนที่ทำเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านทุน ด้านเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย ด้านการรักษาโบราณสถาน เราพยายามมุ่งเน้นกระจายการทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่อไป รวมทั้งในต่างประเทศด้วย ต่อไปเราจะไปทำประเทศหลักๆที่เรามีส่วนเข้าไปค้าขายในแต่ละพื้นที่ จะพยายามนำสิ่งต่างๆเหล่านี้เข้าไปอยู่ในพื้นที่เหล่านั้น

บุคคลต้นแบบ บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ
บุคคลต้นแบบของผมคือ คุณประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ประธานที่ปรึกษากลุ่มบริษัท TOA ท่านมีกำลังมีพลังมากมาย ถึงแม้จะอายุ 70 ปี แล้วก็ตาม แต่ท่านมีวิสัยทัศน์ วิธีคิด รวมทั้งแนวทางบริหารการจัดการวิธีคิดที่ดีมาก นับว่าผมเป็นคนที่โชคดีที่มีโอกาสได้ทำงานกับคนที่เป็นเจ้าของกิจการโดยตรง คุณประจักษ์เป็นตัวอย่าง เป็นโมเดลที่สำคัญเวลาเราทำงาน ทั้งวิธีคิด การบริหารจัดการ การปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาให้สามารถก้าวไปถึงจุดหมายได้ เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากท่านเป็นต้นแบบ ผมโชคดีที่ได้เรียนรู้มาตลอด 18 ปี เป็นคนต้นแบบที่ผมยึดเป็นแบบอย่างจวบจนชีวิตการทำงาน

ปรัชญาที่นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
สิ่งที่จะนำพาให้ทั้งองค์กร สังคม ลูกค้า และพนักงานเดินไปข้างหน้า คือ mutual benefit ทั้งในแง่ขององค์กร ลูกค้า สังคม พนักงาน ดังนั้นสี่ส่วนนี้ผมคิดว่าเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ ไม่ว่าเราจะทำกิจกรรม ทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ขอให้คำนึงถึงสี่ส่วนนี้ จะได้รับผลที่เป็นบวกไปพร้อมๆกัน เพราะไม่ใช่เพียงแค่ด้านใดด้านนึงที่จะได้ประโยชน์ ได้ด้านบวกอย่างเดียวส่วนด้านอื่นเป็นด้านลบ ถ้าเป็นอย่างนั้นในระยะยาวแล้วคงไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน หลักการทำงานของผมทุกวันนี้ยึดองค์ประกอบของคนสี่คน คือสังคม ลูกค้า องค์กรและพนักงาน ถ้าทั้งสี่อันนี้สามารถเดินไปด้วยกัน มีผลประโยชน์ตอบแทนด้วยกัน ไปด้วยกันได้ มันจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อน ซึ่งผมก็ยึดแนวทางนี้ปฏิบัติมาโดยตลอด จะนำไปใช้และถ่ายทอดให้ทุกคนได้ปฎิบัติตาม

เวลาว่างและการดูแลตัวเอง
อาทิตย์นึงผมทำงานประมาณหกวัน ถ้าไม่เดินทางไปต่างประเทศก็จะออกกำลังกายทุกเช้า อาทิตย์นึงต้องหาโอกาสไปตีกอล์ฟ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการอยู่กับครอบครัว อยู่กับลูก นอกจากกำลังกายแล้วเรายังมีกำลังใจที่ดีด้วย นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมมีแรงขับเคลื่อนในการทำงานแต่ละวัน ทำให้ผมมีความสุขมากขึ้น และทำงานได้ดี

You may also like...