นิติกร กรัยวิเชียร

เมื่อต้นปี 2555 ที่ล่วงเลยมา มีโอกาสได้ไปชมงานนิทรรศการ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “อุปบัติ ณ โลกี” ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ประทับใจในฝีพระหัตถ์ของพระองค์ท่านมาก แต่ละภาพมีเสน่ห์ ง่ายงาม และสามารถเล่าเป็นเรื่องราวได้  ภาพที่นำมาจัดแสดงนั้นมีมากมายหลากหลาย ได้ทราบมาว่าพระองค์ท่านเสด็จไปที่ไหน ก็จะพกกล้องถ่ายรูปไปด้วยทุกครั้งเสมอ จึงคาดว่าภาพที่พระองค์ท่านบันทึกไว้ คงไม่ได้มีแค่ที่เห็นภายในงานนี้เท่านั้น


แต่คงมีการคัดสรรนำมาจัดแสดง ไม่ต้องสืบให้มากความก็พอจะทราบได้ว่าเบื้องผู้ที่คัดสรรภาพถ่ายงดงานเหล่านี้ คือคุณนิติกร กรัยวิเชียร อุปนายกสมาคมฯ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นั่นเอง

กระทั่งได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับคุณนิติกร  กรัยวิเชียรเย็นวันหนึ่งที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯจึงอดที่จะสอบถามถึงที่มาที่ไปและอัจฉริยะภาพของพระองค์ท่าน

“คงจะเริ่มต้นในปี 2550  สืบเนื่องมาจากปี 2549 ช่วงนั้นมีงานเฉลิมฉลองศิริราชสมบัติ  ครบ 60 ปี ของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีช่างภาพจีนคนนึง เป็นนักข่าวจีนเข้ามาทำข่าวงานพระราชพิธีในเมืองไทย ขณะเดียวกันเค้าก็มาถ่ายรูปในเมืองไทยแล้วบันทึกไว้ด้วย หลังจากที่เค้ากลับไปแล้ว เค้าตั้งใจว่าจะทำนิทรรศการภาพถ่ายในเมืองไทย ในระหว่างมาเมืองไทยเค้าได้มีโอกาสเฝ้าสมเด็จพระเทพฯ ก็กราบบังคมทูลว่ามาเมืองไทย บันทึกภาพถ่ายเกี่ยวกับเมืองไทยไว้มาก  อยากจะจัดนิทรรศการภาพถ่ายเมืองไทยในปักกิ่ง เลยกราบบังคมทูลให้สมเด็จพระเทพฯแสดงภาพถ่ายที่ทรงถ่ายที่เมืองจีนสลับกัน หมายความว่าช่างภาพจีนมาถ่ายภาพที่เมืองไทยไปแสดง ส่วนสมเด็จพระเทพถ่ายภาพเมืองจีนไปแสดง ซึ่งท่านก็เลยรับปากว่าจะร่วมด้วย คราวนั้นก็เลยได้รับสั่งกับผมว่าจะจัดงาน “อุปบัติ ณ โลกี” เหมือนกับว่าให้ช่วยคัดเลือกรูปให้หน่อย ผมก็ทำถวาย ครั้งแรกประสบความสำเร็จมากที่เมืองจีน มีผู้เข้าชมจำนวนมาก เลยโปรดให้นำภาพชุดนั้นกลับมาแสดงที่เมืองไทย สยามพารากอน มีคนให้ความสนใจมาก ท่านก็เลยมีกำลังใจในการทำภาพถ่ายต่อมา ในทุกปีท่านก็จะโปรดให้ผม โดยสมาคมถ่ายภาพ จัดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ทุกครั้ง”

เรื่องฝีการถ่ายภาพคุณนิติกร กรัยวิเชียร นับว่าเป็นช่างภาพฝีมือระดับต้นๆในเมืองไทย เราจึงแอบอยากเห็นคุณนิติกร แสดงงานภาพถ่ายซักครั้ง

“ตอนนี้ผมยังไม่มีความคิดที่จะแสดงงาน เพราะมีภารกิจเรื่องอื่นอยู่มาก เวลาที่จะใช้ในการทำงานถ่ายรูปก็น้อยลง แต่ว่าไม่แน่ อีกหลายๆปี ถ้ามีเวลาหรือนึกสนุกขึ้นมาก็อาจจะกลับมาแสดงใหม่”

แสดงว่าภารกิจค่อนข้างรัดตัว มีภารกิจเร่งด่วน

“ภารกิจเร่งด่วนของสมาคมก็ไม่มีอะไรจะเป็นงานปกติ ที่เรามีกิจกรรมสืบเนื่องตลอดปีอยู่แล้ว  มีงานแทบจะเรียกว่าเกือบทุกเดือนก็มีกิจกรรมเล็กบ้างใหญ่บ้าง งานกิจกรรมใหญ่ๆประจำปีก็มีอยู่เกือบทุกงาน รวมทั้งงานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระเทพด้วย จากนั้นก็จะมีประกวดภาพถ่ายทั่วประเทศชิงถ้วยพระราชทาน เราใช้ชื่อว่าภาพถ่ายแห่งแผ่นดิน อันนั้นก็เป็นงานใหญ่ของสมาคม ก็จะมีอยู่ตลอดปี จริงๆงานที่ทำอยู่ไม่ว่าจะเป็นงานที่รับผิดชอบทางสมาคมถ่ายภาพหรืองานประจำมันก็เกี่ยวข้องไปกับวงการถ่ายภาพโดยภาพรวมทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมให้ความสนใจกับภาพรวมอย่างมากอยู่แล้ว”

อยากฟังความคิดเห็นของคุณนิติกรถึงงานถ่ายภาพในประเทศเรา

“ผมว่างานภาพถ่ายในประเทศไทยตอนนี้กำลังเป็นที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เดิมก่อนหน้านี้ภาพถ่ายสมัยที่เป็นยุคฟิลม์มันเป็นงานอดิเรกที่แพง คนที่จะถ่ายได้ต้องใช้สตางค์พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอุปกรณ์ ในเรื่องของฟิลม์ ในเรื่องของการอัดรูป ต้องใช้เงินมาก ปัจจุบันการถ่ายรูปมันง่ายขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เป็นยุคดิจิตอลมาไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ต่างๆราคาก็ถูกลง ในเรื่องของฟิลม์ก็ไม่ต้องเสีย เรื่องอัดรูปก็ไม่จำเป็นแล้วสามารถดูได้ในจอคอมพิวเตอร์ ชอบรูปไหนก็ไปปริ้นรูปนั้น หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์พกพาไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ  หรือกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กใครๆก็มีแทบทุกคน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน ไปกินข้าวก็ถ่ายรูปอาหาร ไปเที่ยวเล่นก็ถ่ายรูปกัน โฟสลงไปในโซเชียลมีเดียต่างๆ เพราะฉะนั้นในเรื่องของการถ่ายภาพมันเป็นที่นิยมกันมาก แต่ขึ้นอยู่กับว่าเอาภาพนั้นไปใช้ในลักษณะไหน แต่ถ้ามองเป็นลักษณะการถ่ายภาพ เป็นงานศิลปะที่ซีเรียสกันจริงๆก็ค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ก้าวหน้าถึงยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น แต่ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น นี่คือมิติที่ภาพถ่ายเป็นงานศิลปะ  คนที่สะสมภาพถ่ายเป็นงานศิลปะในเมืองไทยมีไม่มาก ไม่เท่ายุโรป อเมริกา แต่แนวโน้มค่อนน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันภาพถ่ายก็เป็นที่ยอมรับ แล้วเทคโนโลยีในการผลิตภาพก็มีอายุคงทนขึ้นมาก ปัจจัยนึงที่ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ผมว่ามีแนวโน้มน่าจะดีขึ้น”

อย่างนี้น่าจะมีศิลปินหรือบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน

“บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจของผมมีมากมาย แต่จะว่าไป น่าจะเป็นการเดินทางไปชมงานศิลปะมากกว่าไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศก็จะได้รับแรงบันดาลใจที่ดี ผมไม่ได้เน้นไปที่บุคคลใด บุคคลหนึ่ง แต่ส่วนตัวผมชอบถ่ายภาพคน จะชอบดูงานภาพถ่ายบุคคล”

คุณแบ่งเวลาอยางไร

“โชคดีที่ผมได้ทำงานที่ชอบ ไปโน่นมานี่ จัดนิทรรศการต่างๆ  ทำให้ผมผ่อนคลายไปในตัว เหมือนกับว่าทำงานอย่างเพลิดเพลินอยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นที่จะต้องจัดสรรอะไรมาก”

 

นับเป็นอีกท่านนึงที่ได้ทำงานที่ตนเองรัก และมีความสุขเวลาทำงาน มิน่า ผ่านไปกี่ปี คุณนิติกร กรัยวิเชียร ยังดูสดใสเหมือนเดิมเสมอ

 

You may also like...