เสริมคุณ คุณาวงศ์

Spirit of Art เสริมคุณ คุณาวงศ์  มีคำกล่าวที่ว่า ศิลปะคือศาสตร์ซึ่งแสดงความเป็นอารยะของมนุษย์ แต่กระนั้นก็ตาม ปัจจุบันนี้จะโดยยอมรับได้หรือไม่ก็แล้วแต่ ศิลปะกลับกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมหมางเมิน หลงลืม และปราศจากจิตใฝ่ให้ความสำคัญ จะด้วยมองว่าสูงส่งเกินปีนบันไดเสพ หรือเปล่าไร้ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตก็ตาม ทำให้ศิลปะในวันนี้คือแวดวงที่เปลี่ยวร้าง เงียบเหงา พานให้เศร้าหมอง


ท่ามกลางภาวะที่รอการล่มสลายของแวดวงศิลป์ในเมืองไทย เสริมคุณ คุณาวงศ์ CEO แห่ง CM Organizer เป็นหนึ่งในนักสะสมงานศิลป์ที่ไม่เพียงสะสม หากอุทิศชีวิตและเวลาในการเยียวยาและส่งเสริมวงการศิลปะด้วยวิธีการต่างๆ ตามแต่แรงใจและแรงกายจะอำนวย ด้วยจิตวิญญาณแห่งมนุษย์ผู้ซาบซึ้งซึ่งสุนทรียภาพแห่งศิลป์

“ผมสะสมงานศิลป์มาไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้วครับ เห็นได้จากที่เริ่มสะสมประติมากรรมอย่างเป็นทางการเลยก็ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ปีนี้ 2007 ก็ 6-7 ปีแล้ว สะสมประติมากรรมอย่างเป็นทางการหมายความว่ามีการสะสมอย่างเป็นระบบจำนวนมาก มีการเข้าไปทำความรู้จักศิลปินที่เป็นเจ้าของผลงาน รวมถึงหลายชิ้นที่เป็นงานสั่งทำเฉพาะ” คุณเสริมคุณเริ่มเล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มของการสะสมงานศิลป์ หลังจากที่พาชม Collection ศิลปะที่มีทั้งภาพวาดและประติมากรรมภายในบ้านอันแสนร่มรื่นย่านลาดพร้าว

“แรงบันดาลใจที่ทำให้สนใจศิลปะเริ่มจากในอดีตที่เราได้ยินชื่อเสียงของศิลปินชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นคุณประเทือง เอมเจริญ, ถวัลย์ ดัชนี หรืออาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ซึ่งผลงานของท่านเหล่านั้นก็ได้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้เรามีความสนใจในศิลปะ จากนั้นเมื่อมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะของนานาชาติและของไทย มันก็เป็นส่วนที่พอกพูน Art Appreciation ของเราให้เข้าใจ แล้วก็ซาบซึ้ง สามารถมองเห็นความงามได้ในอีกขั้นหนึ่ง มีความรู้สึกผูกพัน แล้วเมื่อมีโอกาส มีรายได้ ก็เริ่มต้นสะสมศิลปะ

“เริ่มสะสมงานศิลป์ที่เป็นภาพวาดก่อนครับ แล้วก็มีบ้างที่ไปซื้องานของศิลปินต่างประเทศมา ก็รู้สึกอายเล็กน้อยที่ไปซื้อของต่างประเทศมาก่อน (หัวเราะ) แล้วถึงค่อยมาสนใจซื้อศิลปะของศิลปินคนไทย

“ได้ไปดูหอศิลป์ในประเทศไทยหลายที่ รวมทั้งที่มหาวิทยาลัยศิลปากรที่นครปฐม ซึ่งที่นั่นมี Workshop ประติมากรรม ณ ที่นั้นเองที่เราเห็นความทุกข์ของศิลปะ ซึ่งก็อาจจะหมายถึงความทุกข์ของศิลปินด้วยก็เป็นไปได้ โดยที่เห็นงานประติมากรรมถูกทิ้งรกร้าง ใช้คำว่าอเนจอนาถก็ได้สำหรับเรา ซึ่งมันช่างต่างกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้าที่เราเพิ่งไปต่างประเทศ เห็นการยกย่องผลงานศิลปะ การที่มีงานศิลปะติดตั้งอยู่ทั้งเมือง มันต่างกันราวฟ้ากับดิน ทั้งที่เราเห็นว่าผลงานศิลปะที่ถูกทิ้งร้างเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นผลงานที่ด้อยคุณภาพหรือด้อยคุณค่าแต่อย่างใด เราก็เลยมีความรู้สึกว่าที่เป็นเช่นนั้นก็คงเพราะว่าประเทศเราอาจจะยังเพ็งเล็งถึงคุณค่าเหล่านั้นไม่เพียงพอ จึงเป็นที่มาของความตั้งใจที่จะเป็นกระแสลมเล็กๆ กระแสหนึ่งที่จะช่วยกระพือปีกแห่งศิลปะในบ้านเราให้เป็นที่รู้จัก ให้คนไทยตระหนักชัดถึงคุณค่า แล้วก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก จึงริเริ่มก่อตั้งศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพขึ้น เริ่มสะสมอย่างมีระบบ มีขั้นตอน ทั้งซื้อ ทั้งขอยืมก็มี ศิลปินบางท่านเขาให้ก็มีนะครับ ทำให้ปัจจุบัน Collection ที่เป็นประติมากรรมก็จะอยู่ที่ประมาณ 170 ชิ้น ขณะที่ภาพวาดจะอยู่ที่ประมาณ 60-70 ภาพ

“ผมทำโครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์งานอาจารย์เขียน ยิ้มศิริ รวมถึงโครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์หุ่นหลวงในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยความมุ่งหมายที่จะฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ศิลปะ เพราะผมว่างานศิลปะมันทำให้วิญญาณเรามีความสุข ทำให้เราสงบจิต เยียวยาจิตวิญญาณของเรา ทั้งศิลปะประเพณีนิยมก็ดี ศิลปะร่วมสมัยก็ดี อยากให้รัฐบาลและคนไทยเห็นความสำคัญว่านี่เป็นทรัพย์สมบัติของชาติ เพราะถามว่าอีก 20 ปีอะไรคือความแตกต่างระหว่างประเทศ ซึ่งทุกที่ก็จะมี Starbucks มีอะไรที่มันเหมือนกันมากขึ้นทุกทีๆ สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือจิตวิญญาณนะครับ ตัวหนังสือ ภาษาพูด ศิลปะ วัฒนธรรม นี่เป็นสมบัติของเราที่เรายึดถือได้จริงๆ คงไม่ได้อยู่ที่ใครมีตึกใหญ่กว่าใคร เพราะทุกที่ก็มีตึกไม่ต่างกัน (หัวเราะ)

“ผมไม่ใช่ผู้อุปถัมภ์วงการศิลปะนะครับ ผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเก็บเศษเสี้ยวทางประวัติศาสตร์ศิลปะเพื่อให้ก้าวผ่านกาลเวลาไปสู่คนรุ่นต่อไปเท่านั้น” คุณเสริมคุณจบประโยคด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ฉายประกายจิตวิญญาณแห่งความรักในศิลปะ และแน่นอน…ด้วยหัวใจที่อยากให้คนไทยเห็นคุณค่าของศิลปะมากกว่าที่เป็นอยู่

——————————————————————————–

ที่มา : นิตยสาร HI-CLASS
ข้อเขียนนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของนิตยสาร  HI-CLASS  ห้ามนำไปลอกเลียน ทำซ้ำ หรือ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย

 

You may also like...