ดาวเด่นบัวหลวง 101 ปีที่ 6

ในที่สุดดาวดวงใหม่ในวงการศิลปะก็ได้เปล่งประกายฉายแสงเพิ่มขึ้น จากอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่ปลุกปั้นศิลปินคลื่นลูกใหม่สู่แวดวงศิลปะ คือโครงการประกวดศิลปิน “ดาวเด่นบัวหลวง 101” ปีที่ 6

ซึ่งจัดโดยมูลนิธิธนาคารกรุงเทพร่วมกับหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำหรับปีนี้ดาวรุ่งดวงใหม่ประดับวงการศิลปะเป็น นักศึกษาสาวชั้นปี 4 จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี สร้างสรรค์ผลงาน “เจ้าสาว” คว้ารางวัล “ดาวเด่นบัวหลวงยอดเยี่ยม” ไปครองได้สำเร็จ โดยจัดงานประกาศผลพร้อมมอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศ ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อเร็วๆ นี้ 

คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช กรรมการมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ และประธานโครงการฯ กล่าวรายงานความเป็นมาและสรุปผลการดำเนินงานโครงการดาวเด่นบัวหลวง 101 ปีที่ 6 จัดโดยมูลนิธิธนาคารกรุงเทพร่วมกับหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันอุดมศึกษาในการคัดเลือกและส่งนักศึกษาดีเด่นเข้าร่วมโครงการแข่งขันวาดภาพสดในรูปแบบเรียลิตี้โชว์เป็นเวลา 9 วัน สำหรับปีนี้มีผู้เข้าแข่งขันทั้ง 51 คน จาก 26 คณะ 24 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ

“ที่ผ่านมาการจัดประกวดโครงการดาวเด่นบัวหลวง 101 ผลิตศิลปินดวงใหม่สู่วงการศิลปะมาเป็นจำนวน 5 รุ่นแล้ว ผู้ได้รับรางวัลแต่ละคนล้วนได้รับโอกาสที่ดีในวงการศิลปะ ทั้งเคยได้รับรางวัลศิลปกรรมระดับชาติ ตลอดจนได้รับโอกาสให้ไปร่วมแสดงผลงานศิลปะที่ต่างประเทศ ดังนั้นจึงถือเป็นความโชคดีของทุกคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาแข่งขันในทุกๆ ปี ที่จะได้มีโอกาสมาสัมผัสและได้รับฟังความรู้ต่างๆ จากศิลปินทั้งหลายที่มาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ให้ตลอดระยะเวลา 9 วัน สำหรับคอนเซ็ปท์ของงานปีนี้ คือ “ไวท์ แคนวาส (White Canvas)” ซึ่งหมายถึงดาวเด่นดวงใหม่กำลังจะมาสร้างผลงานศิลปะให้เกิดขึ้น เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมวัฒนธรรมในการชื่นชมงานศิลป์และการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมที่มีคุณค่าสู่สังคมต่อไป

“แม้ว่าในปีนี้การจัดงานอยู่ในสถานการณ์บ้านเมืองมีความสับสน วุ่นวายพอสมควร แต่การจัดกิจกรรมตลอดระยะเวลา 10 วันนี้ก็ผ่านไปด้วยดี และทำให้ได้เห็นว่าการทำงานสิ่งใดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ขอเพียงเรามีความเชื่อมั่นที่จะทำโดยไม่ย่อท้อ สิ่งนั้นย่อมประสบผลสำเร็จเสมอ เช่นเดียวกับโครงการ ดาวเด่นบัวหลวงในปีนี้ที่สำเร็จลงไปได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือและความมุ่งมั่น การรักษาหน้าที่อย่างเคร่งครัดของทุกๆ คน และเชื่อว่าโครงการในครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์สำคัญครั้งหนึ่งที่ผู้ร่วมโครงการ ทุกท่านจะประทับใจอย่างไม่มีวันลืม สุดท้ายขอชื่นชมนักศึกษาทุกๆ คนที่ได้มุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของศิลปินที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต” ประธานโครงการฯ กล่าว

ด้าน ศาสตราจารย์กิตติคุณ กำจร สุนพงษ์ศรี หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน กล่าวถึงภาพรวมผลงานของผู้ร่วมเข้าแข่งขันที่ได้เห็นพัฒนาการด้านฝีมืออย่างเด่นชัดในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับรางวัลซึ่งมีผลงานที่มีความสนใจในการแสดงความรู้สึกนึกคิดตนเองผ่านงานศิลปะซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างสรรค์ผลงาน

“จากประสบการณ์ที่เป็นกรรมการมาทุกปีสังเกตได้ว่ามีพัฒนาการอยู่ในหมู่ยุวศิลปินเสมอ ทั้งพัฒนาการด้านฝีมือ ความรับผิดชอบ ความกระตือรือร้น และความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็นสำคัญมากในวงการศิลปะ ในฐานะนักรบฝ่ายวัฒนธรรม พวกเราถือเป็นผู้สร้างวัฒนธรรม ดังนั้นการที่เราแสวงหาความรู้ที่เป็นประสบการณ์ตรงอย่างการประกวดครั้งนี้จึงเป็นการถ่ายทอดความรู้ซึ่งกันและกันโดยตัวเราเองอาจจะไม่รู้สึกก็ได้ นอกจากนี้ยังมีความรู้ที่มาจากทฤษฎีที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ตัวอย่างเช่น ความงามของสุนทรียภาพในการสร้างสรรค์ทัศนศิลป์ ซึ่งเนื้อหาจริงมีแค่เรื่อง สเปซ เส้นสาย ช่องไฟ น้ำหนัก แต่หลายคนไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่เข้าใจในการนำมาใช้ แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการนี้แล้ว คิดว่าหลายคนคงได้ซึมซับเอาสิ่งต่างๆ ของ มิตรสหายที่มาร่วมประกวดว่าเขาได้สร้างสรรค์ผลงานอย่างไรจึงประสบความสำเร็จ
“แต่ละปีที่จัดการประกวดดาวเด่นบัวหลวง 101 ฝีมือของนักศึกษาดีขึ้นทุกปี อย่างปีนี้คนที่ได้รับรางวัลก็มีความน่าสนใจมากเพราะเป็นงานศิลปะที่เป็นการกระโดดข้ามขั้น คือมีเอ็กซ์เพรสชั่น (Expression) ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุด เพราะหลายงานไม่มีการสำแดงออกถึงความต้องการ ของศิลปิน ก็เลยทำให้งานนั้นเบาและจืด เพราะต่อให้มีความคิดมากแค่ไหน ก็ต้องไม่ลืมคุณค่าของ อาร์ทิสติกหรือความมีศิลปะ เพราะว่ามันส่อแสดงถึงศิลปะนิสัยที่พร้อมจะเป็นศิลปินได้ในอนาคต

“ต้องขอบคุณมูลนิธิธนาคารกรุงเทพที่หยิบยื่นโอกาสให้กับศิลปินรุ่นใหม่ สมัยที่ผมเป็นนักศึกษาศิลปะที่ ม. ศิลปากร ปี 2505 ถ้ามองอนาคตในเส้นทางศิลปิน อย่างคำพูดที่ว่า “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” การเป็นศิลปินในสมัยนั้น มีแต่ความมืดมิดและมีประโยคที่ว่า “ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” เป็นคำปลอบใจของคนรุ่นนั้น เพราะอนาคตมันไม่มีเลย แต่บัดนี้คำถามเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นแล้ว เพราะปัจจุบันนี้ศิลปะเกิดคุณค่าโดยตรงในสังคมแล้ว เพราะทุกคนรู้แล้วว่าที่การท่องเที่ยวเจริญรุ่งเรือง สร้างรายได้ให้เมืองไทย หลายหมื่นล้าน ล้วนแต่เกิดจากหยาดเหงื่อของบรรพชนที่ได้สร้างวัดวาและสถาปัตยกรรมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้มาชื่นชมนั่นเอง”

ที่สุดของผลงานที่จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นรางวัลยอดเยี่ยมในปีนี้ ได้ถูกกลั่นกรองผ่านสายตาคณะกรรมการ ซึ่งมีทั้งศิลปินแห่งชาติ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้ตัดสินพิจารณารางวัล อาทิ ถวัลย์ ดัชนี, คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช, ศาสตราจารย์กิตติคุณ กำจร สุนพงษ์ศรี, ศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง, อาจารย์ธงชัย รักปทุม, อาจารย์นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน, อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, ศาสตราจารย์วิโชค มุกดามณี, อ.ปัญญา วิจินธนสาร, อภิชาต รมยะรูป ฯลฯ

สำหรับผู้ชนะรางวัลศิลปินดาวเด่นจิตรกรรมบัวหลวง แบ่งออกเป็น 3 รางวัล โดยผู้ได้รับรางวัลศิลปินดาวเด่นบัวหลวงยอดเยี่ยม ได้รับเงินทุนการศึกษา 100,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ กามีละ อิละละ นักศึกษาชั้นปี 4 จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จากผลงาน “เจ้าสาว” ถ่ายทอดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่มาจากการเลือกคู่ครองในการใช้ชีวิตคู่ซึ่งเป็นสิ่งที่เปราะบางสำหรับผู้หญิง เพราะความปรารถนาในการแสวงหาความสุข ความสมบูรณ์กับชีวิตคู่ ความคาดหวังกับผู้นำที่ดีในสังคมที่นับวันยิ่งเลวร้ายขึ้นทุกวัน เพราะขาดผู้นำ ทำให้บางครั้งผู้หญิงต้องเป็นผู้นำเสียเอง

จากความรู้สึกดังกล่าวจึงเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานผ่านกระบวนการเทคนิคภาพเขียนด้วยเครยองบนดินสอพองที่เน้นความรู้สึกที่ต้องการถ่ายทอดออกมา “ด้วยความที่ทำงานไปแก้ปัญหาไปเทคนิคที่ได้จึงมาจากความบังเอิญ สำหรับเทคนิคเครยองบนดินสอพอง เป็นการนำลงดินสอพองที่ผสมน้ำแล้ว ฉาบลงไปบนผืนผ้าใบเป็นชั้นๆ เพื่อให้มีความหนา จากนั้นขึ้นโครงด้วยการสเก็ตช์ คัดน้ำหนักสีอ่อนสุดไปถึงเข้มสุด โดยค่อยๆ ลงสีดำโดยใช้ที่ปัดแก้มปัดเครยองให้เกิดการไล่น้ำหนักในแต่ละจุด นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคการขูดพื้นผิวเพื่อสร้างมิติและความพลิ้วของชายประโปรง”

“สำหรับการประกวดครั้งนี้เป็นเวทีแรกที่ลงแข่งขัน ขอบคุณคนที่ให้โอกาสกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้โอกาส และได้มาอยู่จุดนี้ ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากๆ เพื่อที่จะไปแบ่งปันกับน้องๆ ที่เรียนด้วยกันที่ไม่มีโอกาสเหมือนอย่างเรา ศิลปะทำให้รู้จักตัวเอง ถ้าไม่เรียนศิลปะจะไม่รู้ว่าที่แท้ต้องการอะไร ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตด้วยซ้ำ แต่ศิลปะทำให้เรายืนหยัดในสิ่งที่เราทำและแน่วแน่กับสิ่งที่เราคิด เวทีนี้ทำให้ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราทำได้ และคิดไม่ผิดในเส้นทางที่เราเลือก เพราะถ้าเราศรัทธาในสิ่งใดก็จะส่งผลกลับมาให้เรามากเท่านั้น” ศิลปินดาวเด่นบัวหลวงยอดเยี่ยม ปีที่ 6 เผยความรู้สึก
ส่วน พฤตินันทร์ ดำนิ่ม นักศึกษาชั้นปี 4 จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คว้ารางวัลศิลปินดาวเด่นบัวหลวงความคิดสร้างสรรค์ ได้รับเงินทุนการศึกษา 70,000 บาท พร้อม โล่เกียรติยศ จากผลงาน “สภาวะจากสังขาร” แสดงสภาวะร่างกายของบุคคลอันเป็นที่รัก สะท้อนผ่าน ความทุกข์ ความเหงา ความโดดเดี่ยว ตลอดจนสัจธรรมความจริงของมนุษย์ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ความขัดแย้ง จากวัยเด็กสู่วัยชราซึ่งมีอารมณ์ความรู้สึกเกี่ยวกับความรัก ความห่วงใย และเชื่อมโยงถึงความมีอยู่และดับไป

“แนวคิดของผลงานมาจากสภาวะจากบุคคลอันเป็นที่รัก ผ่านเทคนิคภาพพิมพ์ แกะไม้ ปะติดวัสดุโดยใช้สะท้อนผ่านร่างกายจากรูปทรงของเด็ก หญิงชรา แสดงความแตกต่างระหว่างช่วงวัยที่เกี่ยวกับ การมีอยู่ และดับไปที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบุคคลที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน โดยเล็งเห็นถึงสังขารที่เขาเปลี่ยนแปลงไป จึงนำมาเป็นแรงบันดาลใจมาสร้างสรรค์ผลงาน”

พฤตินันทร์ มองว่าการทำงานศิลปะให้รู้จักฝึกสมาธิ กล้าคิดกล้าแสดงออกที่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัวลงไปในงาน ที่สำคัญการแข่งขันครั้งนี้นอกจากช่วยพัฒนาการด้านฝีมือแล้ว ยังช่วยทำให้ใช้รู้จักการจัดสรรเวลาในการทำงานมากขึ้น รวมทั้งรู้จักวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและ การสร้างสรรค์ผลงานให้ผสานกลมกลืนกันของเทคนิคต่างๆ ที่มีความยากลำบากในการนำมาผสมผสานเข้าด้วยกัน 

สุดท้ายรางวัลดาวเด่นบัวหลวงดีเด่น ได้รับเงินทุนการศึกษา 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ เป็นของ บุญศรี เจริญยิ่ง นักศึกษาปี 5 มหาวิทยาลัยศิลปากร กับผลงาน “ระนาบแสงริมน้ำ” ที่มุ่งเน้นเรื่องของระนาบแสงกับบรรยากาศที่แสดงถึงความงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้วิถีชีวิต โดยการคลี่คลายลดทอนในส่วนที่เป็นแสงและเงา นำเสนอสาระทางรูปทรงที่ก่อให้เกิดสุนทรียภาพ อันเป็นผลมาจากการประสานสัมพันธ์กันอย่างกลมกลืนของระนาบแสงและเงา

“สำหรับแนวคิดหลักเป็นการนำเสนอภาพผลงานที่มีเนื้อหาที่แสดงถึงความเงียบ ความสงบ ความเรียบง่าย โดยแสดงออกผ่านระนาบแสงและเงา ถ่ายทอดผ่านรูปทรงของบ้านเก่าๆ ริมน้ำที่ประทับใจเป็นส่วนตัว จากการใช้ชีวิตอยู่และนั่งเรือข้ามฟากจากฝั่งพรานนกมาฝั่งพระนครเพื่อเรียนหนังสือ ซึ่งบริเวณนั้นมีบ้านริมน้ำค่อนข้างเยอะ และมาจากความรู้สึกที่ว่าสังคมเมืองค่อนข้างมีความอึกทึกครึมโครม วุ่นวาย เสียงดัง ทำให้บางครั้งก็รู้สึกอยากแสวงหาความเงียบ และได้เห็นบ้านริมน้ำที่หลีกเร้นอยู่ในสังคมเมืองที่ให้ความรู้สึกสงบทุกครั้งที่มองเห็น จึงนำความประทับใจมาเป็นแนวคิดในการทำงาน ส่วนเทคนิคในการสร้างสรรค์ภาพใช้สีอะคริลิค โดยเน้นความลดหลั่นของแสงเงา โดยมีขั้นตอนในการไล่สีโดยใช้ยางพารากั้น เพื่อให้เป็นเลเยอร์ของน้ำหนัก

บุญศรี กล่าวถึงสิ่งสำคัญในการได้เข้าร่วมโครงการฯ ที่ทำให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนต่างสถาบัน ที่ทำให้ได้เห็นแนวทางในการนำเสนอผลงานที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ละที่ด้วย “ถ้าเรียนที่มหาวิทยาลัยของเราที่เดียวก็จะเห็นแค่แนวทางเดียว แต่ขณะเดียวกันการมาร่วมโครงการนี้ทำให้ได้เห็นแนวทางอื่นๆ ของเพื่อนๆ ต่างสถาบัน ได้เห็นงานที่มีลักษณะเฉพาะและแตกต่างกันไปใน แต่ละพื้นถิ่น เช่น การใช้วัสดุ ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกๆคน อย่างตัวเองจากที่ได้เห็นงานของเพื่อน ก็ทำเกิดไอเดียใหม่ ได้เทคนิคใหม่ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานของเราได้ด้วย”

คนรักศิลปะสามารถติดตามชมผลงานศิลปินคลื่นลูกใหม่ที่คว้ารางวัลชนะเลิศและผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดในโครงการแข่งขันศิลปินดาวเด่นบัวหลวง 101 ครั้งที่ 6 ได้ทางเว็บไซท์bualuang101.kapook.com หรือที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ www.facebook.com/Bualuang101 หรือ follow อินสตาแกรม (IG) กับ Bualuang101 และชมผลงานจริงได้ที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งจะจัดแสดงถึงกลางเดือน มกราคม 2557

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร : 02-281-5360-1

บริษัท พับบลิค ฮิต จำกัด
อภิญญา ดิษฐสำเริง
เบอร์โทร : 081 816 2552

You may also like...