สัปดาห์หนังสือครั้งที่ 42 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 12

สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯเดินหน้าจัดสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 42 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 12 ลั่นไม่หวั่นกระแสตึงเครียด เชื่อสังคมเดินหน้าได้ด้วยการอ่าน

เตรียมสร้างสีสันใหม่ เปิดโลกการอ่านที่ไม่รู้จบ ด้วยนิทรรศการสุดเจ๋ง “โลกคือนิยาย” , ครั้งแรกของ “ถนนสายหนังสือ” หลากสไตล์ที่ครบถ้วนทุกความต้องการของนักอ่าน และสนุกกับ “Book Wonderland” จินตนาการไร้ขีดจำกัดแห่งโลกการอ่าน

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ประกาศความพร้อมจัดงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 42 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 12 (Bangkok International Book Fair 2014)” ในระหว่างวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม – วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557 (11 วัน) ณ ศูนย์การประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้แนวคิด “โลกคือนิยาย (The World Is a Novel)”

เชิญชมนิทรรศการ “หูท่ง เอกลักษณ์โดดเด่นของเมืองปักกิ่ง” และพระราชนิพนธ์แปลใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง “ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน” ,นิทรรศการ “โลกคือนิยาย” และนิทรรศการ “ข้าพเจ้าได้เห็นมา โลกนิยายของศรีบูรพา” และพบกับ “ถนนสายหนังสือ” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นักอ่านในแต่ละแนว อาทิ วรรณกรรมอินดี้, หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชน, หนังสือเก่าหายาก จะได้พบกับหนังสือเล่มโปรดในถนนเส้นเดียว พร้อมเปิดตัว 3 กิจกรรมเพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้ วงการหนังสือไทยในระดับชาติและระดับสากลคือ “เว็บไซต์ thaibooksociety.com”, “โครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น” และ “โครงการมาตรฐานคุณาวุฒิวิชาชีพธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์” รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่มีประโยชน์ อีกมากมายตลอด 11 วัน

นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 42 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 12 ถือว่าเป็นงานแสดง หนังสือที่ได้รับความสนใจและรอคอยจากบรรดาคนรักการอ่านมาตลอด โดยในปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สวน

กระแสความตึงเครียดในสังคม เพราะนอกจากจะมีสำนักพิมพ์ไทยตอบรับเข้าร่วมงานกว่า 432 สำนักพิมพ์ รวมทั้งสิ้น 921 บูธแล้วนั้น ยังได้รับเกียรติจากสำนักพิมพ์จากต่างประเทศ อาทิ เกาหลี ฝรั่งเศส เยอรมัน อิหร่าน ไต้หวัน สิงคโปร์ มาร่วมงานถึง 37 สำนักพิมพ์ เป็นจำนวนรวม 40 บูธ
“ในปีนี้แม้ว่าสภาวะบ้านเมืองอาจจะอึมครึมจากปัญหานานาประการ แต่ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ตัดสินใจเดินหน้าจัดงานเพราะเห็นว่าสถานการณ์บางส่วนได้คลี่คลายลงบ้างแล้ว และที่สำคัญคือในฐานะองค์กร ที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมการอ่านนั้นได้เล็งเห็นว่าหนังสือและการอ่านถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสงบให้ประเทศ เพราะถ้าคนในชาติอ่านมากขึ้น ก็จะมีวิจารณญาณในการพิจารณาปัญหาและประเด็นต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยรับรู้และเข้าใจปัจจัยของปัญหาจากการอ่าน เหตุการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลลบต่อสังคมก็จะไม่สามารถ เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เราจำเป็นต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้นกว่านี้ เพื่อช่วยให้ประเทศสามารถก้าวผ่านปัญหาต่างๆไปได้

นอกจากนี้การจัดงานในระดับนานาชาติเช่นนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศได้ด้วย ถือเป็น ส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างภาพพจน์ของประเทศ โดยนอกจากการเข้าร่วมของสำนักพิมพ์ประเทศต่างๆแล้ว เรายังได้รับเกียรติจากนักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่น ‘คาซึชิเงะ อาเบะ (Kazushige Abe)’ มาร่วมเสวนาอีกด้วย ”

นายจรัญยังกล่าวอีกว่า ปีนี้ได้จัดงานภายใต้แนวคิด “โลกคือนิยาย (The World Is a Novel)” ซึ่งเชื่อมโยง กับไฮไลท์ของงานคือ “นิทรรศการโลกคือนิยาย” และ“นิทรรศการข้าพเจ้าได้เห็นมา โลกนิยายของศรีบูรพา” เพื่อ สื่อให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างโลกและนิยาย ซึ่งเปรียบเสมือนกระจกเงาที่ส่องสะท้อนภาพระหว่างกัน

“นิทรรศการโลกคือนิยาย เกิดขึ้นเพราะต้องการสื่อว่านิยายมีอิทธิพลต่อโลก ส่วนหนึ่งของการ เปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้เกิดขึ้นเพราะนิยาย ในขณะที่เนื้อเรื่องของนิยายก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความ เปลี่ยนแปลงของโลกได้ด้วย อาทิ เรื่องราวบางด้านของโลกเผด็จการนั้น แม้ว่าจะไม่สามารถสะท้อนจากความ เป็นจริงได้ แต่ก็ไม่สามารถปิดบังการสะท้อนผ่านนวนิยายได้เช่นกัน ดังเช่นเรื่องราวการปฎิวัติวัฒนธรรมในจีน ที่ผู้คนส่วนหนึ่ง ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆผ่านนิยาย เช่นนิยายเรื่อง ‘หงส์ป่า (Wild Swan)’ ผลงานของยุง จาง (Jung Chang) หรือนิยายเรื่องเอกของโลกอย่าง ‘เหยื่ออธรรม(Les Misérables)’ ผลงานของวิคตอร์ อูโก (Victor Hugo)

นักเขียนชาวฝรั่งเศส ก็เป็นแรงบันดาลใจและพลังขับเคลื่อนของนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขา สันติภาพอย่างอองซาน ซูจี ส่วนนิทรรศการข้าพเจ้าได้เห็นมา โลกนิยายของศรีบูรพานั้น เป็นอีกนิทรรศการที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะศรีบูรพาเป็นนักเขียนชาวไทย ที่ได้รับการกล่าวขานและชื่นชมในระดับโลก เพราะองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ยกย่องให้ศรีบูรพาเป็นบุคคลดีเด่นของโลก ในฐานะผู้สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศไทยและสร้างสันติภาพของโลกประจำปีพ.ศ. 2547-2548 ทว่ากลับต้อง ไปเสียชีวิตในแผ่นดินที่ไม่ใช่มาตุภูมิของตนเอง เพราะร่างถูกฝังที่สุสานวีรชนคนสำคัญของประเทศจีน การจัดนิทรรศการในครั้งนี้จึงมีจุดประสงค์คือเพื่อเชิดชู และแสดงความเป็นอัจฉริยะทางด้านงานเขียนให้คนรุ่น ปัจจุบันได้รับรู้ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดในความรักในสวนอักษร และการต่อสู้เพื่อประชาชนในยามที่ ประเทศชาติไร้ความยุติธรรมอย่างองอาจและสง่างาม ซึ่งต้องขอบคุณทางกรุงเทพมหานครอย่างยิ่งที่ช่วย สนับสนุนการจัดนิทรรศการดีๆเช่นนี้ขึ้นมา

นิทรรศการดังกล่าวจะไม่มีการมาบอกเล่าถึงประวัตินิยายไทย แต่ถ้าต้องการรู้ว่านิยายมีอิทธิพลต่อโลก อย่างไร นิยายสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร นิยายเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ได้หรือไม่อย่างไรนั้น นิทรรศการโลกคือนิยาย จะทำให้ลืมนิทรรศการเกี่ยวกับนิยายที่ทุกท่านเคยชมมาอย่างสิ้นเชิง”

นายจรัญยังเผยอีกด้วยว่า นอกจากนิทรรศการดังกล่าวแล้ว ยังมีกิจกรรมในงานที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ “นิทรรศการยิ่งเล่น ยิ่งรู้ เปิดประตูสู่สุวรรณภูมิ” โดย มิวเซียมสยาม, “นิทรรศการอ่านประเทศเพื่อนบ้าน อ่านวรรณกรรม” โดยสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย, โซนอ่านสนุกอย่าง “Book Wonderland” ดินแดนที่จะทำให้คุณตื่นเต้นไปกับจินตนาการแห่งโลกหนังสือ พร้อมของรางวัลมากมายที่แจกไม่อั้นในทุกวัน รวมถึง“ถนนสายหนังสือ” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก และการเปิดตัว 3 กิจกรรมเพื่อมุ่งสร้างการเติบโต อย่างยั่งยืน ให้วงการหนังสือไทยในระดับชาติและระดับสากลคือ “www.thaibooksociety.com” ครั้งแรกที่ทุกองค์ประกอบ ของวงการหนังสือจะมารวมตัวกันในเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อทุกภาคส่วนของคนทำหนังสือ, “โครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น” และ “โครงการมาตรฐานคุณาวุฒิวิชาชีพธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์” ซึ่งจะช่วยยกระดับวงการหนังสือ

ให้ก้าวไกลสู่อาเซียนได้ “งานสัปดาห์หนังสือฯในครั้งนี้มีความเปลี่ยนแปลงเพื่อความสุขที่เพิ่มขึ้นของหนอนหนังสือ คือ มีการ แบ่งโซนเป็นถนนสายหนังสืออย่างชัดเจน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นักอ่านในแต่ละแนว อาทิ วรรณกรรมอินดี้, หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชน, หนังสือเก่าหายาก จะได้พบกับหนังสือเล่มโปรดในถนนเส้นเดียว โดยจะมีการ ตกแต่งและแสดงสัญลักษณ์ของแต่ละโซนอย่างเด่นชัด เพื่อความสนุกและความสุขของนักอ่านทุกท่าน

ที่สำคัญเรายังคงทำกิจกรรม PUBAT Charity ปันกันอ่าน แบ่งกันให้ อย่างต่อเนื่อง เพราะการให้ โอกาสทางการอ่านแก่ผู้ที่ขาดโอกาสเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยโครงการทอฝัน ปันหนังสือให้น้อง ปีนี้จัดเป็น ครั้งที่ 30 แล้ว โดยจะมอบบัตรกำนัลให้แก่เด็กด้อยโอกาสจากองค์กรต่างๆ 400 คน มูลค่าคนละ 400 บาท เพื่อนำไปเลือกซื้อหนังสือที่สนใจภายในงานด้วย

หวังว่านักอ่านจะมาสร้างความสุข ความสนุก และความรู้ร่วมกันในงานนี้ เพื่อที่วันหนึ่งสิ่งที่เรา ได้อ่านอาจจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้สังคมไทยสามารถข้ามผ่านความขัดแย้งไปได้”นายจรัญกล่าว

เตรียมตัวให้พร้อม ช้อปความสุข พกความรู้กลับบ้านใน “งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 42 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 12 (42nd National Book Fair & 12th Bangkok International Book Fair 2014)” ซึ่งจะเริ่มขึ้นระหว่างวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม – วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557 (11 วัน) ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

You may also like...