12 Years a Slave คน สัตว์ สิ่งของ

นับเป็นหนังดราม่าหดหูแห่งปีเลยก็ว่าได้สำหรับ 12 Years a Slave ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงยุค 1840 ของ โซโลมอน นอร์ธอัพ ชายผิวสีนักดนตรีที่มีความสุขอยู่กับภรรยาและลูกสองคน แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับถูกจับไปเป็นทาสนานกว่า 12 ปี

สตีฟ แม็กควีน ผู้กำกับผิวสีได้รับหนังสือที่เขียนโดย โซโลมอน นอร์ธอัพ จากภรรยาของเขา เมื่ออ่านจบเขาไม่รีรอที่จะสร้างมันเป็นภาพเคลื่อนไหวเพื่อให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของระบบทาส

ตัวหนังเล่าเรื่องราวของ โซโลมอน นอร์ธอัพ ที่อาศัยอยู่ในเมืองอันเงียบสงบทางตอนเหนือของสหรัฐฯ ถูกชายแปลกหน้าสองคนหลอกวางยาและขายเขาให้ไปเป็นทาสในเมืองทางใต้ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ทำไร่เป็นอาชีพหลัก จึงต้องการแรงงานทาสจำนวนมาก

โซโลมอน พยายามดิ้นรน เรียกร้องอิสรภาพ และคิดจะหลบหนี ซึ่งแน่นอนว่าไม่สำเร็จ นายคนแรกที่ซื้อเขาเป็นคนมีเมตตา แต่ผู้คุมทาสคอยกลั่นแกล้งจนเขาทนไม่ไหวลงมือทำร้ายคนขาว เหตุนี้ทำให้ โซโลมอน ที่ถูกตั้งชื่อใหม่ว่า แพลท์ ถูกขายต่อไปให้ เอ๊พพ์ ชายผู้ชอบเฆี่ยนตีทาสของตัวเอง

บทหนังตึงเครียดและสร้างความหดหู่อย่างสูง ตีแผ่ความเลวร้ายของวัฒนธรรมการค้าทาส การใช้แรงงานทาส อย่างลึกถึงแก่นตัวละครที่เป็นทาสน่าสงสารจับใจ หนังดํ่าดิ่งไปสู่ความเศร้าหมอง คาดคั้นความรู้สึกคนดูมากๆ

ทว่าในความสิ้นหวังก็ยังมีแง่งามให้เห็นบ้าง คือนํ้าใจของคนขาวบางคน มิตรภาพของเพื่อนที่เป็นทาสด้วยกัน รวมถึงเพลงโซลเพราะๆที่ว่ากันว่าต้นกำเนิดมาจากการร้องเพลงของชาวผิวสีต่อประสบการณ์อันเลวร้ายในการตกเป็นทาส (และการเหยียดผิวในยุคต่อมา) โดยเฉพาะเพลง roll jordan roll ฟังติดหูดี ถ้า Inside llewyn davis คือตัวแทนของเพลงโฟล์กซอง 12 Years a Slave ก็คือตัวแทนของเพลงโซล

ชิวอิเทล เอจิโอฟอร์ ในบท โซโลมอน แสดงได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ สื่ออารมณ์ความขมขื่นต่อโชคชะตาชีวิตได้ดี ขณะเดียวกันในแววตาของเขาก็มีความหวังเล็กๆสว่างอยู่ ว่าสักวันจะกลับไปเป็นอิสระอีกครั้ง ซึ่งต้องใช้ความอดทนและพยายามอย่างหนัก หลายคนเสียนํ้าตาให้ฉาก สบู่ของ แพทซี่ ที่แสดงโดย ลูพิต้า เอนยองโก้ แต่ผมกลับนํ้าตาซึมในฉากที่ โซโลมอน ได้กลับมาพบกับครอบครัวอีกครั้ง มันเหมือนมีก้อนความรู้สึกมากมายที่พรั่งพรูออกมา แต่ทุกคนก็จุกไปด้วยความสุขปนความเศร้าที่ประดังประเดเข้ามาจนพูดอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ร้องไห้และกอดกัน

ส่วน ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ในบท เอ๊พพ์ นายทาสจอมโหดนั้น ต้องบอกว่าแกแสดงได้ชั่วถึงใจจริงๆ บางฉากนี่ถึงขั้นโรคจิต เขาเป็นตัวแทนของนายทาสที่ไม่เห็นว่าทาสเป็นคน เป็นเพื่อนมนุษย์ ไม่แม้แต่จะเป็นสัตว์เลี้ยง เขามองเห็นทาสเป็นสิ่งของเป็นทรัพย์สินที่จะทำอย่างไรก็ได้ ซีนที่ เอ๊พพ์ เมาแล้วไปปลุกทาสมาร้องรํ่าทำเพลงกลางดึกนั้น มันทารุณบังคับขืนใจกันที่สุด พอๆกับการลากไปโบยตีเพื่อรองรับอารมณ์ โชคดีที่มีตัวละครที่แสดงโดย แบรด พิตต์ มากู้หน้าให้คนขาว เขาคือพระเอกตัวจริง ฮีโร่ผู้ปลดปล่อย โซโลมอน แม้จะได้ออกน้อยไปนิด แต่สะใจซีนที่เขาหลอกด่า เอ๊พพ์ เรื่องไม่มีสำนึกความเห็นใจต่อเพื่อนร่วมโลก สหรัฐอเมริกาเลิกทาสในปี 1863 หลายประเทศทั่วโลกทยอยเลิกทาสไปจนหมด กระนั้นปัจจุบันยังมีหลายคนทำเหมือนว่าทาสยังมีอยู่เห็นได้จากรอบตัวเรา ยังมีคนจิตใจตํ่าบางพวก มองเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นสัตว์หรือสิ่งของ ใช้แรงงานคนต่างจังหวัด คนต่างด้าวอย่างหนัก ซํ้ายังเอารัดเอาเปรียบทุกวิถีทาง บ้างก็เอาพวกเขามาล้อเลียนเป็นเรื่องตลก โดยไม่คิดเลยว่างานที่พวกเขากำลังดูถูก รังเกียจ หากไม่มีผู้ใช้แรงงานคอยทำ พวกคุณนั้นแหละที่ต้องลงมือทำเอง

BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์ 

สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)

จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์

You may also like...