Tampopo

เพศกับอาหาร
ในบทความเซ็กส์กับอำนาจ นิธิ เอียวศรีวงศ์กล่าวไว้ว่า “ในความสัมพันธ์เชิงกามารมณ์ วัฒนธรรมไทย (อย่างน้อยก็วัฒนธรรมโบราณ) ไม่ได้ถือว่าหญิงชายเสมอภาคกัน เมื่อหญิงชายมีความสัมพันธ์กามารมณ์ร่วมกัน ท่านเรียกว่าการ ‘”ได้เสียกัน” ( เป็นเมียเป็นผัว) ชายเป็นฝ่ายได้ หญิงเป็นฝ่ายเสีย”


เซ็กส์เป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัฒนธรรมทางเพศของญี่ปุ่น ซึ่งหลายคนรู้จักทั้งทางตรงและทางอ้อมจากอุตสาหกรรมหนังโป๊ ที่ก็เป็นอุตสาหกรรมวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งของประเทศนี้ ที่เติบโตในบ้านเรา นอกเหนือจากอาหาร เครื่องแต่งกาย หรือการ์ตูน
ความสัมพันธ์เชิงอำนาจในหนังโป๊ญี่ปุ่นมักจะสะท้อนการกดขี่ทางเพศอย่างเป็นกิจลักษณะแทบทุกครั้งไป ทั้งที่ความสัมพันธ์เชิงกามารมณ์ในหนังญี่ปุ่นโดยทั่วไป อาจจะเสนอภาพความเท่าเทียมกันในทางปฏิบัติออกมาให้เห็นบ้างบางครั้ง

Tampopo ( 1985) เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่หยิบยืมการปลุกเร้าในเชิงกามารมณ์แบบหนังโป๊ มาเป็นส่วนประกอบของเรื่อง แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าก็คือ Tampopo ผูกโยงเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเข้ากับความสัมพันธ์ทางเพศ ( Food of Passion หรือในบางระดับก็เรียกได้ว่าเป็น Food-Porn) Tampopo เป็นผลงานของจูโซ อิตามิ ( Juzo Itami) ซึ่งว่ากันว่า Tampopo เป็นผลงานหนึ่งในสามเรื่องที่ดีที่สุดของเขา นอกเหนือจาก Funeral

“ทัมโปะโปะ” ในภาษาญี่ปุ่นเป็นชื่อของดอกไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา สรรพคุณของมันสามารถนำมาต้มกับน้ำเพื่อดื่มในลักษณะเดียวกับชาช่วยให้ตับแข็งแรง ในภาษาอังกฤษดอกทัมโปะโปะเรียกว่า dandelion ซึ่งวัฒนธรรมตะวันตกการส่งมอบดอกไม้ชนิดนี้ให้ผู้อื่นหมายถึงการบอกเป็นนัยๆ ว่า “ผู้รับเป็นคนเจ้าชู้” เพราะมองเห็นผู้ให้เป็นเพียงดอกไม้ริมทาง

เรื่องราวทั้งหมดของ Tampopo เริ่มต้นด้วยคนขับรถบรรทุกที่จอดแวะกินบะหมี่ที่ร้านทัมโปะโปะซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่คนขับรถบรรทุกได้ลิ้มรสชาติบะหมี่แล้ว เขาก็ตัดสินทันทีว่าจะสมัครเป็นพ่อครัว สาเหตุก็เพราะเขาอยากจะช่วยให้ร้านที่แสนธรรมดาแห่งนี้มีน้ำซุปที่เอร็ดอร่อยเป็นเลิศ การสมัครเข้าทำงานที่ร้านของชายคนขับรถบรรทุกสามารถอ้างอิงถึงหนังในแนวตะวันตก โดยเฉพาะในแนวที่เรียกว่า สปาเกตตี้-คาวบอย (แค่ชื่อก็ฟังเกี่ยวกับของกินแล้ว!) ซึ่งที่จริงหมายถึงภาพยนตร์แนวตะวันตกของผู้กำกับชาวอิตาเลียน เซอจิโอ เลโอเน่ ( Once Upon a Time in the West) ที่มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในช่วงหนึ่งทศวรรษก่อนหน้านั้น ฉากเปิดตัวแบบนี้มักมีอยู่ในหนังคาวบอย ซึ่งแน่นอนรวมไปถึงหนังในแนวซามุไรของอาคิระ คุโรซาว่าด้วย

ในกระบวนการปรับปรุง หรือพูดในภาษาการตลาดที่ทันสมัยขึ้นก็คือการ Rebranding ร้านทัมโปะโปะของพ่อครัวคนใหม่จะทำให้เราเห็นกระบวนการทำบะหมี่ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า “ราเมน” กันแบบเจาะลึกทุกรายละเอียด

เราจะเห็นองค์ประกอบแต่ละอย่างที่กลายมาเป็นบะหมี่ ตั้งแต่น้ำซุป การนวดเส้น และแน่นอนหมูอบสามชิ้นที่วางอยู่บนหน้า ทั้งเหตุผลแห่งความจำเป็นและเหตุผลในเชิงสุนทรียศาสตร์ จำได้ว่ามีนักคิดฝรั่งท่านหนึ่งเขียนวิเคราะห์วัฒนธรรมและการแสดงออกของชาวญี่ปุ่นเอาไว้ ซึ่งสามารถสรุปรวบยอดด้วยคำๆ หนึ่งว่า “เป็นอาณาจักรแห่งสัญญะ” คือทุกสิ่งทุกอย่างที่คนญี่ปุ่นทำ ไม่ว่าจะเป็นการตระเตรียมอาหารใส่ปิ่นโต การชงชา หรือการโค้งคำนับทักทาย ทุกอย่างถูกเปลี่ยนให้เป็นลักษณะของสิ่งที่เรียกว่า “สัญญะ”

สัญญะหมายถึงการกระทำหรือการแสดงออกใดๆ ก็ตามที่พ่วงเอาความหมายในแง่อื่นๆ นอกเหนือจากการกระทำ หรือการแสดงออกนั้นๆ เข้าไปด้วย ดังนั้นในองค์ประกอบเล็กๆ ของอาหารจานหนึ่งสำหรับคนญี่ปุ่นจึงไม่มีข้อยกเว้น

ใน Tampopo เราจะเห็นฟังก์ชันต่างๆ ขององค์ประกอบในราเมนทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ เนื้ออบ น้ำซุป เส้นหมี่ หรือลูกชิ้นปลาที่มีลายสีชมพูรูปก้นหอย แม้แต่ในน้ำซุปใสๆ เองก็ถือว่ามีความซับซ้อนในตัวเอง

ราเมนมีหัวใจอยู่ที่น้ำซุป การรับประทานราเมนจะสิ้นสุดลงที่การยกถ้วยขึ้นซดน้ำซุป ดังนั้นกระบวนการผลิตน้ำซุปจึงมีความสำคัญอย่างมากมาย ถ้าเราจะมองกันในแง่ของความเป็นสัญญะ เราก็จะเห็นว่าอะไรที่ใส กระทั่งดูเหมือนไม่มีอะไรเจือปนอยู่แบบน้ำซุป แท้จริงแล้วประกอบขึ้นด้วยองค์ประกอบเล็กๆ ในระดับอนุภาคมากมาย หากเปรียบกับสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมหรือสังคม การที่เรามองไม่เห็น หรือมองว่าบางสิ่งบางอย่างเป็นเรื่องบริสุทธิ์ บางครั้งก็ไม่ใช่ เพราะมันสลับซับซ้อน หรือถูกกลั่นถูกกรองให้อยู่ในรูปที่โปร่งแล้วต่างหาก

ในส่วนโครงเรื่องรองของ Tampopo ที่เล่าสลับฉากกับกระบวนการปรุงราเมน ผู้กำกับจูโซ อิตามินำพาเราไปติดตามและเฝ้ามองพฤติกรรมทางเพศของชายหญิงคู่หนึ่งที่ร่วมรักไปพร้อมๆ กับการเปิบพิสดารอาหารจำพวกไข่ดิบและหอยนางรมโดยมีร่างกายของฝ่ายหญิงเป็นพาชนะรองรับ

เมื่อมองดูอย่างผิวเผิน ฉากโป๊เปลือยนี้ ไม่มีภาพใดที่ถึงกับเป็นภาพเรทเอ็กซ์ (คือฉายให้เห็นภาพการมีเพศสัมพันธ์อย่างเปิดเผย) แต่ด้วยวิธีการนำเสนอบางอย่าง การตัดต่อภาพของอาหาร การหัวร่อต่อกระซิก การกอดรัดฟัดเหวี่ยงของชายหญิงคู่นั้น สลับกับการปรุงและการกินบะหมี่ สามารถทำให้เรามองเห็นภาพรวมทั้งหมด เป็นภาพการมีเพศสัมพันธ์ของชายหญิงคู่หนึ่งแบบเต็มๆ ไม่มีการลดทอน

แม้โดยรวมหนังเรื่องนี้จะมีจุดมุ่งหมายทางด้านความบันเทิงเป็นหลัก แต่ในส่วนนี้ Tampopo ถือว่าสร้างนัยสำคัญในเรื่องของการผูกโยง “เพศปฏิบัติ เข้ากับ อาหาร” ได้อย่างน่าสนใจมากที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับโลกภาพยนตร์

You may also like...